top of page

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport

Updated: Aug 24, 2023

"ใหญ่ หนัก ภาพสวย"


สวัสดีครับ กลับมาแล้วตามสัญญาหลังจากรีวิวเลนส์ Sigma 100-400 f5-6.3 DG DN OS C และทิ้งท้ายไว้ว่าเดี๋ยวจะไปลุยตัว 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport มาลองเล่นแล้วเอามารีวิวเล่าสู่กันให้อ่านเช่นเคยครับ วันนี้ได้มาแล้ว เล่นแล้ว และดองมาแสนนานเพราะโอกาสจะหยิบไปใช้มันไม่มากนัก คราวนี้จะมาเล่าละครับ ทำความเข้าใจกันก่อนว่าที่เปลี่ยนเลนส์นี่ไม่ใช่ว่าเลนส์ 100-400 ของ Sigma มันแย่นะครับ มันเป็นเลนส์ที่ผมค่อนข้างชอบมากเลยแหละ มันเบา (1.135 kg) และให้คุณภาพของภาพดีครับ (ตอนนี้ยังอยากได้กลับมาใช้) แต่ใจตอนนั้นน่ะ มันอยากจะไปให้สุดที่เลนส์ที่ซูมได้โหด ๆ ราคาพอคบหากันได้ไม่แพงมากนัก และคุณภาพดี คิดได้แล้วก็ไปเลยครับ อย่าช้า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ได้มา 150-600 อย่างเดียวก็ยังไม่สะใจเอา Teleconverter TC-2011 2X มาด้วยอีกตัว มาถึงบ้านเลยกล่องยักษ์อลังการ ขอบพระคุณ Kameracraft ที่มาเยี่ยมเยือนส่งให้กันถึงบ้าน (ทางผ่าน) ทันพอดีเวลาไปออกทริปอีกเช่นเคยครับ


เตือนก่อนนะครับพ่อบ้าน กล่องใหญ่นะครับ ถ้าใครจะซ่อนหาที่ทางดี ๆ เตรียมไว้ก่อนนะครับ ผมแนะนำให้เก็บที่ทำงานไม่แนะนำให้ซ่อนท้ายรถนะครับ ขนาดของเลนส์ 150-600 ผมว่าใกล้เคียงกันทุกค่าย น้ำหนักก็มากกว่า 2 กิโลกรัมทุกตัว ของ Sigma เองก็กดไปสบาย ๆ 2.1kg เลนส์ช่วงนี้แบกกันเกร็งครับ ไม่เป็นไรเราเคยใช้เลนส์พวกนี้มาหมด เราเข้าใจ เราจะไม่บ่นว่าหนัก แต่ถ้าใครไม่เคยขอเตือนไว้ก่อนว่าไปจับตัวจริงลองห้อยเดินไปมาเสียก่อนนะครับ มันเป็นเลนส์ช่วงที่มีน้ำหนักหลุดไปอีกเลเวลนึงแล้ว เอาให้ชัวร์ ว่าพร้อมแบกพร้อมเดินไหม ถ้าตอบได้ว่าพร้อมมาดูกันต่อเลยครับ

การออกแบบเลนส์ Sigma 150-600 ตัวนี้ผมว่าดีนะครับ มีอะไรหลายอย่างที่เห็นแล้วร้อง เอ้อออ มีแล้วมันสะดวกชีวิตขึ้นมาก ๆ ครั้งแรกที่ผมเห็นเลนส์ตัวนี้ (เรียกว่าดีไซน์แบบนี้ละกัน) เมื่อหลายปีก่อนจะมาเป็น L mount ผมแอบไม่ชอบมันมาก ๆ เลย ผมว่ามันไม่สวย ไม่เรียบร้อยตรงที่มีส่วนเว้าโค้ง ๆ ช่วงปลายเลนส์ ทำให้ดูเหมือนเลนส์ชุดหน้ามันบานออก แล้วโค้ง ๆ มันก็ดูโบราณยังไงชอบกล แต่พอมาใช้จริงถึงได้เข้าใจว่ามันเอาไว้ใช้มือสไลด์ซูมชักได้แบบนี้มีฟังก์ชั่น เมื่อเข้าใจแล้วเลยก็การรับรู้ความงามแบบ Intellectual aesthetics ขึ้นมาจึงชอบมันละ เลนส์ตัวนี้มีสวิตช์ปรับความหนืดของการซูมด้วย ตรงนี้ดีมาก ๆ มีใช้แล้วสะดวกมากครับ ถ้าหิ้วไปมาล็อคไว้ได้อันนี้ทุกคนเข้าใจดี เลื่อนมา 1 ตำแหน่งเป็นตำแหน่งซูมหนืด ๆ หน่อย ใช้หมุนวงแหวนซูมเอาได้ แต่ห้อยคอไปมายามปกติกระบอกเลนส์จะไม่ไหล ถ้าเลื่อนไปตำแหน่งที่ 2 สายเร็ว สาย Sport สนุกแน่เพราะกระบอกซูมจะคลายความหนืดเลยครับ สามารถใช้มือชักเข้าชักออกเพื่อซูมได้เลย (คิดถึงเลนส์ Canon 100-400 ในสมัยก่อนเลย ซูมชักๆ) อันนี้ถ่ายมันส์ถ่ายสนุก แต่พอแขวนคอแล้วไหลเลยไปที่ 600 เลยครับ เลนส์ยาวยันเข่า ฮ่ะ ฮ่ะ ตัวที่ผมได้มาไม่แน่ใจว่าเป็นแบบนี้ทุกตัวไหมนะครับ เวลาชักเข้าออกมันมีเสียงอี๊ด ๆ เหมือนลมรั่วพอรำคาญได้อยู่เหมือนกัน -_-“ ถ้าใครไม่เจอปัญหารบกวนกระซิบกันหน่อยนะครับ ผมจะได้ส่งเคลม อิ อิ

สวิตช์ด้านข้างมีให้เพียบ ตั้งแต่ AF-MF, สวิตช์ควบคุมระยะ AF, โหมด OS, ปุ่ม custom ที่ผมได้ใช้หลัก ๆ ก็สองปุ่มแรกครับ พวก OS ก็เปิดไว้โหมด 1 ตลอด ปุ่ม custom ไม่เคยได้ใช้ แก่แล้ว ชอบน้อย ๆ ง่าย ๆ ครับ มือไม่ไวเหมือนสมัยก่อน แต่มีไว้รองรับการใช้งานของ users ที่หลากหลายก็ดีแล้วครับ มีแล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีครับ

ส่วนที่รักที่ชอบของเลนส์ตัวนี้เลยคือ Hood ครับ ฮูดที่ต่อเข้าไปแล้วใช้น้อตขันเกลียวให้แน่นแบบนี้อยากได้มานาน หมดปัญหา เวลาบุกป่าฝ่าดงหมดกังวลเรื่องฮูดเบี้ยวฮูดหล่นไปได้ ปลายขอบฮูดเป็นยางด้วย เรียกว่าออกแบบรายละเอียดกันมาได้ไม่ขาดตกบกพร่องจริง ๆ แถมว่าเมื่อเก็บฮูดแล้วยังมี Cover ผ้าให้ใส่ด้วย ตรงนี้ก็ดีมากเวลาเดินทางเพราะป้องกันเลนส์ของเรากระแทกขูดขีดกับสิ่งของอื่น ๆ ได้ดีเหมือนกัน พอไล่เรียงลงไปตามตัวเลนส์พบว่ามีหมุดให้หมุนอีกตัว เป็นการปรับคลายล็อคของ Collar เอาไว้สำหรับหมุนกล้องถ่ายแนวตั้งแนวนอนเวลาถ่ายโดยใช้ขาตั้งได้ง่าย ๆ มีการมาร์คตำแหน่งให้ snap กรึ๊บเป็นมุมฉากไว้ให้ด้วย ไม่ต้องกะเองเล็งเอง ถือว่าสบาย ตรงนี้ทำดีต้องชม ติดนิดเดียว 2 ที่ 1) ผมอยากเอา Collar ออก ซึ่งทำไม่ได้จ้า ทำได้แค่ถอดฐานชิ้นสั้น ๆ ออกเท่านั้น และ 2) ฐานที่มันให้มาเนี่ย สั้นมาก ปกติผมชอบหมุนเอาฐานนี้ขึ้นมาไว้ด้านบนแล้วใช้เป็นหูหิ้วเลนส์กับกล้อง ทีนี้ตัวนี้มันสั้นไง กำได้ไม่เต็มมือ คือจะให้ซื้ออุปกรณ์เสริมใช่ไหม 55 อย่างไรก็ตามตำแหน่งของ Collar จัดมาให้สมดุลดีมาก ผมเอา plate ติดไว้แล้ววางยังสมดุลดีทั้งระยะ 150 และระยะ 600

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ


มาลองใช้กันดีกว่าครับ First impression เลยคือหนัก แน่นอนครับใครอยากฟิตกล้ามมาเลือกใช้ตัวนี้ได้ครับ เดินถือถ่ายนก ถ่ายหนู ถือว่าเป็นการออกกำลังกายได้เลยทีเดียว ฟิลลิ่งของเลนส์ดีนะครับ แน่นหนาไม่ก๊อกแก๊ก (ยกเว้นเสียงอี๊ด ๆ เวลาซูมนั่น)

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ


ขึ้นชื่อว่าเลนส์ Sigma เรื่องสีสัน หายห่วงครับ อิ่ม แน่น คอนทราสต์ดี ถ่ายมาแล้วสีสวยจริง ๆ นะครับ ถึงแม้ว่าผมจะเอามาจับคู่กับ Leica SL2-S ไม่ได้ใช้กับกล้อง Sigma สีสันของภาพที่ได้ก็ถือว่ายังชอบมากอยู่ครับ อยากจะลองกับ Sigma fp อีกสักทีน่าจะได้ภาพที่สวยมาก ๆ ขึ้นไปอีกเพราะกล้องกับเลนส์มันรู้ใจกันเหมือนตอนใช้ fp กับ 100-400 ได้ภาพสีสวยมาก

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm แล้ว crop มาให้ดูกันครับ


ส่วนเรื่องความคมหายห่วงครับเรื่องความคมเลนส์สมัยนี้ทำมาดีแทบจะทั้งนั้น การเลือกใช้เลนส์หลัง ๆ ผมจะให้น้ำหนักไปกับการเรนเดอร์สีสัน คอนทราสต์มากกว่า เพราะถ้าไม่ใช่เลนส์ระดับประหยัดมาก ๆ ความคมผมถือว่าทำออกมาใช้ได้หมดนะครับ ส่วนตัวเมื่อเปรียบเทียบภาพดูแล้วความคมและการเก็บรายละเอียดของภาพทำได้ดีกว่า 100-400 นะครับ แต่แน่นอนว่ายังเป็นคนละระดับกับพวกเลนส์ fixed แน่นอน

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ


เรื่องความคมสำหรับเลนส์ทางยาวโฟกัสสูง ๆ มันมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องนะครับ ใช่ว่าเลนส์ที่ดีมากถ่ายดึงมาจากที่ไกล ๆ แล้วจะคมชัดคอนทราสต์ดีเสมอไป ระยะจากเลนส์เราไปถึงวัตถุยิ่งไกลก็ยิ่งต้องผ่านชั้นบรรยากาศมากครับ พวกฝุ่นผงในบรรยากาศ หรือแม้แต่ไอความร้อน จะทำให้คุณภาพของภาพทั้งความคมและคอนทราสต์ลดลงไปได้ครับ ถ้าถ่ายในที่แสงน้อย ๆ ก็ขอให้พี่น้องเหลือบ ๆ ดู ISO กันสักนิดนึง หรือถ้าตั้ง Limit ของ ISO ไว้ก็เหลือบดูความไวชัตเตอร์กันสักนิดว่ายังโอเคไหม ถ้าถ่ายด้วยความระมัดระวังก็จะมีโอกาสได้ภาพที่ดีได้ครับ

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ


ออโต้โฟกัสเมื่อใช้กับ Leica SL2-S ก็สามารถทำได้รวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ ใช้โหมด Tracking ก็สามารถติดตามวัตถุได้ดีทั้งที่เป็นเลนส์ 3rd party เลยทำให้เจ้า 150-600 ตัวนี้เป็นเลนส์ที่ถ่ายสนุก โฟกัสง่ายและแม่นยำ มีอาการวืดวาดน้อยมาก ๆ ถึงจะวืดก็กลับมาเร็วครับ มอเตอร์มันไว

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ


หากเปรียบเทียบกับ Sigma 100-400 f5-6.3 DG DN OS C ตัวที่ใช้อยู่เดิม ด้านคุณภาพของภาพ ส่วนตัวที่ไม่ใช่พวกตาทิพย์ ผมว่าคุณภาพของภาพถือว่าไม่ทิ้งกันมากอย่างมีนัยยะสำคัญ ผมว่า 150-600 คมกว่า และออโต้โฟกัสของ 150-600 ดีกว่า ไวกว่า แม่นกว่า และที่ดีกว่ามากแน่ ๆ คือได้ f6.3 ที่ระยะ 600mm แทนที่จะเป็น 400mm นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องงานประกอบ ฮูด และการจับถือใช้งาน ที่เจ้า 150-600 ทำออกมาได้แน่นหนาและตอบสนองความต้องการในการถ่ายภาพได้ดีกว่า ถ้าใครเริ่มจริงจังกับสายเทเลมาตัวนี้ผมว่าไม่ผิดหวัง ถ้าสายนกแบบโปรเลนส์ Telephoto แบบ fixed แล้วความสว่างสูง ๆ เจาะลงไปสำหรับงานจะเยี่ยมที่สุด แต่ถ้าใครเป็นสายท่องที่เที่ยวทั่วไป ถ่ายวิวบ้าง ถ่ายนกบ้าง พก 100-400 ติดกระเป๋าไว้เวลาเดินทางก็เป็นหลักประกันว่าท่านจะมีโอกาสได้ภาพที่ดีได้มากขึ้นโข มันตัวเล็ก เบา แต่คุณภาพดี

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sportระยะ 150mm เทียบกับระยะ 600mm ครับ


สรุปว่า 150-600 ตัวนี้คุณภาพดีเลยครับ แต่มันอาจไม่ใช่เลนส์ที่จะเหมาะสำหรับทุกคนเท่านั้นเอง ด้วยข้อจำกัดของขนาดและน้ำหนักของมันแค่นั้นเอง จะเอาเทเลซูมอเนกประสงค์ขนาดนี้ก็จำเป็นต้องยอมแลกกับอะไรบางอย่างเหมือนกัน แนะนำให้ไปหาลองกันก่อนจะด่วนตัดสินใจกันครับ

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ


ตบท้ายด้วยว่า Sigma จากเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นเลนส์นอกสายตา ราคาถูก บอดี้ลอก คุณภาพเป็นรองเลนส์ค่าย จนมาถึงปัจจุบัน Sigma พัฒนาเรื่องคุณภาพของภาพที่ได้ไปไกลมาก ๆ เอามาใช้แทนเลนส์ค่ายหลาย ๆ ตัวได้อย่างไม่ขัดเขิน ทั้งความคม ทั้งสีสันที่โดดเด่น ผมว่ามันเป็นเลนส์ที่เพียงพอและพอเพียงสำหรับการถ่ายภาพในปัจจุบันแล้วครับ สวัสดี

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ

Sigma 150-600 f5-6.3 DG DN OS Sport ที่ระยะ 600mm ครับ

Comments


bottom of page