“มันไม่ได้มีดีแค่หน้าตา”
"It's not just about the looks."
สวัสดีครับ เรื่องกล้องกระแสแรง Nikon Zf ไม่ต้องพูดเรื่องหน้าตากายภาพเพราะพูดกันไปแล้วในตอนก่อน (https://www.paronya.com/single-post/nikon-zf-hands-on) คราวนี้มาพูดเรื่องการใช้งานกันเลยดีกว่านะครับ บอกแล้วว่าเล่นกล้องรุ่นนี้ภายใน impact กว่าหน้าตาภายนอกมากครับ พยายามจะออกรีวิวมาให้เพื่อนพี่น้องได้อ่านกันก่อนที่กล้องล็อตถัด ๆ ไปจะมา เผื่อเป็นข้อมูลให้ตัดสินใจจับจองกัน หรือจะข้ามมันไป
Hello! Since we've already discussed the appearance and physical aspects of the Nikon Zf camera in the previous discussion (https://www.paronya.com/single-post/nikon-zf-hands-on), let's focus on usability this time. As mentioned, using this camera feels much more impactful than its external appearance. I'll try to provide a review for everyone to read before the next batch of cameras arrives. This will serve as valuable information to help you decide whether to get one or skip it.
Nikon Zf + Nikkor 85 f1.8S
ส่วนตัวผมเองห่างหายจากกล้องจำพวกนี้มานาน Nikon ที่เคยใช้ก็เช่น F4 F80 D100 D700 D800 (FM2 เจ้าของต้นแบบหน้าตา Zf นั้นไม่เคยใช้ เคยแค่ยืมเพื่อนมาถ่ายม้วนเดียวเท่านั้น) พอกลับมาเจอกล้องสมัยนี้ใช้อะไรก็ดีไปหมด ฟังก์ชันทุกอย่างมันเหมือนว่าเกินกว่าการใช้งานที่เราเคยต้องการไปแล้ว และต้องปรับตัวกับรูปแบบการใช้งานใหม่ ๆ อีกหน่อย เรื่องวิดีโอไม่ต้องพูดถึงนะครับ ผมไม่ถ่าย ฮ่ะ ๆ ๆ ความสุขส่วนตัวของผมมันอยู่ที่ภาพนิ่งแค่นั้นแหละครับ กล้องเมื่อ 20 ปีที่แล้วเราก็ถ่ายมันอย่างมีความสุขได้ หวังว่ากล้องสมัยนี้ก็ต้องทำได้เหมือนกันแหละเนอะ และขอออกตัวก่อนเลยว่ารีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ นะครับ จากความเห็นของผู้ใช้งานคนหนึ่งที่อยากแชร์ให้เพื่อนพี่น้องครับ... มาว่ากันเลย
Personally, I've been away from cameras like these for a while. The Nikon cameras I've used in the past include the F4, F80, D100, D700, and D800. I've never used the FM2, the original look of the Zf, except for borrowing it from a friend to shoot a roll of film once. Coming back to cameras of this era, it feels like everything is beyond what we used to need. Every function seems to be more than what we're accustomed to, and we have to adjust to the new user interface. As for video, I haven't even tried it. My personal happiness lies in still images alone. Twenty years ago, we could enjoy taking photos with those cameras, and I hope that cameras of this era can do the same. Let me make it clear upfront that this review is purely my personal opinion, shared by one user who wants to pass it on to others. Let's dive into it.
กล้องสมัยนี้ เมนูมันซับซ้อนมาก ฟังก์ชันเยอะมาก แต่ก็ยังดีที่สามารถปรับแต่งปุ่มต่าง ๆ ให้เข้ากับการใช้งานของเราได้มากพอสมควร เมื่อปรับแต่งแล้ว ใช้ไปสักพักให้คุ้นเคยเข้ามือ มันก็ใช้ง่ายครับ
This era's cameras have very complex menus and numerous functions, but it's still great that they allow us to customize buttons to suit our needs. Once you've customized them and become familiar with using them, it becomes much easier to handle.
Nikon Zf + Leica Summilux 35 f1.4 FLE edition 60 / Voigtlander Nokton 50 f1.2
งานหลัก ๆ อย่างนึงของกล้องดิจิทัลคือการควบคุม ISO เพื่อให้ได้ความไวชัตเตอร์อย่างที่ต้องการ การที่มีแป้นหมุนปรับ ISO แบบกายภาพด้านบนกล้องนี่เป็นสิ่งที่ดีมากครับ (ต้องชมอีกทีเพราะหมุนได้ครบทุก step ดีกว่าไลก้าทำใน M10 M11 มาก ๆ) แต่ข้อเสียของมันก็คือ มันปรับเลือกออโต้ กับแมนวล จากปุ่มนี้ไม่ได้น่ะสิ ต้องเข้าไปตั้งในเมนู เหมือน Zfc เลย ตรงนี้ควรปรับปรุงนะครับ เพราะจำได้ว่าสมัย Zfc ก็อ่านเจอคนบ่นเรื่องนี้กันเยอะพอสมควร ใครชอบสลับไปสลับมาก็ต้องวุ่นวายนิดนึงนะครับ อย่างไรก็ตาม ๆ มันยังมีความง่ายที่ช่วยเราได้ซ่อนอยู่ครับครับ หากผู้ใช้งานตั้งช่วง AUTO-ISO ไว้ เช่น 100-3200 หากหมุนปุ่มควบคุม ISO ด้านบนอยู่ในช่วงที่ตั้งไว้ มันจะเป็น AUTO-ISO แต่หากหมุนปุ่มควบคุมไปเกินช่วงที่ตั้งไว้ เช่น 12800 64000 มันจะ override เป็นค่า ISO ตามที่เราตั้งทันที โดยไม่ต้องไปจัดการในเมนูแต่อย่างไร แต่ ๆ ๆ ๆ ๆ ไม่มีผลในช่วง ISO ต่ำนะครับ เพราะ AUTO-ISO จะไม่มีให้ตั้ง lower limit ครับ ให้ตั้งแค่ maximum AUTO-ISO ดั้งนั้นจึง override ได้แต่ ISO ที่สูงกว่าที่ตั้งไว้เป็น AUTO ครับผม สะดวกระดับนึงเวลาถ่ายในที่มืดมาก ๆ ในบางกรณี แต่ถ้าจะควบคุม ISO ต่ำเพื่อลากชัตเตอร์ ต้องไปปิด AUTO ในเมนูอยู่ดีครับ
One of the main functions of a digital camera is controlling ISO to achieve the desired shutter speed. Having a physical ISO dial on the top of the camera is excellent (it's even better than Leica's implementation in the M10 and M11, where you can adjust it at every step). However, the downside is that it switches between auto and manual modes from this dial, and you can't do it directly. You have to go into the menu, similar to the Zfc. This aspect should be improved because I remember that even with the Zfc, many users complained about this issue. It can be confusing for those who like to switch back and forth. Nevertheless, there's still a hidden convenience in it. If users set the AUTO-ISO range, for example, from 100 to 3200, and they rotate the ISO control dial within that range, it will stay in AUTO-ISO mode. But if they rotate it beyond the set range, say, to 12800 or 64000, it will override to the set ISO immediately without needing to go into the menu. However, this override only works for higher ISO settings because AUTO-ISO doesn't allow setting a lower limit. So, it's convenient for shooting in very dark conditions sometimes. But if you want to control the ISO for lower shutter speeds, you have to turn off AUTO-ISO in the menu.
Nikon Zf + Voigtlander Nokton 50 f1.2
ด้านคุณภาพ ISO ถึงแม้ว่าจะดันไปได้ถึง 64,000 และขยายไปได้ถึง 204,800 แต่เรื่อง noise เนี่ย ผมเป็นคนนึงที่รู้สึกเฉย ๆ ไม่ค่อยต่างกับกล้องยี่ห้ออื่นที่เคยเล่นเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วที่ใดนัก ก็ถือว่าเพียงพอ-พอเพียงกับการถ่ายภาพครับ ไม่ได้โดดเด่น
In terms of ISO performance, although it can be pushed up to 64,000 and expanded up to 204,800, the noise level is something that I feel rather indifferent about. It doesn't seem significantly different from other camera brands I've used five to six years ago. I would say it's adequate—just enough for taking photos. It doesn't stand out.
การชดเชยแสง ผมชอบแบบ Zf นี่แหละ มีปุ่มแยกต่างหาก เราเห็นได้ตลอดเวลาเลยว่าตอนนี้ชดเชยอยู่มากน้อยเท่าไร ไม่ต้องดูที่จออย่างเดียว ชอบ ๆ
Exposure compensation—this is something I really like about the Zf. It has a separate button, so you can see at all times how much compensation is being applied, without just relying on the screen. I like that a lot.
Nikon Zf + Nikkor 85 f1.8S @ f8 with 1.6 sec shutter speed
กันสั่นในตัวกล้องเคลมว่าได้สูงถึง 8 stop ผมวัดเรื่องนี้กับเขาไม่เป็นหรอกครับ แต่ลองตั้งอกตั้งใจเอาศอกวางบนโต๊ะแล้วถ่าย ความไวชัตเตอร์ 1.6 วินาที มันก็เอาอยู่นะ คาดว่าถ้าถ่ายน้ำตกแล้วไม่ได้พกขาตั้งกล้องลากชัตเตอร์สัก 1/8 1/15 น่าจะเอามือถือไหวครับ อย่างไรก็ตามกันสั่นสำหรับการถ่ายภาพนิ่งผมค่อนข้างเฉย ๆ เพราะบางทีส่วนตัวผมหวังกับความไวชัตเตอร์เพื่อหยุดวัตถุมากกว่า ดัน ISO เอา ลุย ๆ ไป แต่การกันสั่นผมว่าพวกสายวิดีโอน่าจะได้ใช้ประโยชน์มาก ผมเองไม่ได้ลองนะครับ ไม่ได้ถ่ายวิดีโอครับ โฆษณาแถมให้อีกหน่อยว่าการกันสั่นของ Zf นี้ สามารถชดเชยการกันสั่นได้ตามจุดที่เราโฟกัสด้วยนะครับ เขาว่ากันว่ามันจะดีขึ้นไปอีก แต่เราเอามาถ่ายจริง ๆ เราก็ไม่รู้หรอกครับ
The camera claimed image stabilization of up to 8 stops. I didn't really test this extensively, but when I deliberately set up my elbow on a table and took a shot at a shutter speed of 1.6 seconds, it worked fine. I reckon if you're shooting a waterfall and you don't have a tripod handy, you could probably manage with shutter speeds of 1/8 or 1/15 if you hold your breath. However, for still photography, I'm pretty indifferent to image stabilization. Sometimes, I rely more on shutter speed to freeze motion, push up the ISO, and go for it. But I think image stabilization might be more beneficial for video shooters. I haven't tried it myself, as I don't shoot videos. As for the additional advertising claim that the Zf's stabilization can compensate based on the focus point—that's something they say will improve, but until we actually use it, we won't know for sure.
Nikon Zf + Voigtlander Heliar 50 f3.5
สำหรับคนที่ว่างเว้นจาก DSLR หันไปคบกับ Range finder แมนวลมานาน กลับมารอบนี้เมากับออโต้โฟกัสเลยครับ จุดโฟกัสมันมีเป็นร้อย ๆ และที่สำคัญคือเร็วมาก ๆ คิดถึงสมัยแรกที่ใช้ Olympus E-1 มีจุดโฟกัสเพียง 3 จุด แล้วเราก็ใช้จุดกลางจุดเดียวเสมอ เดี๋ยวนี้มีเพียบ จับตาคน หัวคน ตาสัตว์ ถ้าในสภาพแวดล้อมที่ไม่วุ่นวายนัก Zf สามารถทำงานได้อย่างไร้ที่ติ แต่ในสภาพที่มีความวุ่นวาย เช่น คนในเฟรมเยอะ ๆ มันอาจจับตาไว้ได้หลายคน และไปโฟกัสคนที่เราไม่ได้ตั้งใจได้ อย่างไรก็ตามเราสามารถตั้ง custom control กดปุ่มสลับตาคนที่ต้องการโฟกัสได้ ซึ่งก็ถือว่าใช้งานได้ดีครับ
For those who have taken a break from DSLRs and have been in love with rangefinders for a long time, coming back this time and getting intoxicated with autofocus is quite an experience. The autofocus points are in the hundreds, and importantly, they're lightning fast. I remember the early days when I used the Olympus E-1, which had only 3 autofocus points, and I always used the central point. Now, there are plenty of them—eyes, heads, animal eyes. In less chaotic environments, the Zf can work flawlessly. However, in crowded situations with lots of people in the frame, it might inadvertently focus on someone you didn't intend to. Nonetheless, you can set up custom controls to toggle between focusing on different subjects, which works quite well.
ออโต้โฟกัสของ Zf เหมือนจะเอา Z8 Z9 มายัดใส่เลยทีเดียวครับ ฟีเจอร์ต่าง ๆ เท่าที่เคยได้ลอง Z9 มานิด ๆ หน่อย ๆ ผมว่าเหมือนกันครับ และถ้าเอา Zf ไปเทียบกับ Z6ii แล้ว ระบบออโต้โฟกัสมันเร็วและแม่นกว่ามากจริง ๆ การหาโฟกัสในที่มืดก็ทำได้ดีกว่ามาก ๆ ครับ เรียกได้ว่าออโต้โฟกัสก้าวกระโดดไปอีกขั้นนึงเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการควบคุมโฟกัสโดยเฉพาะระบบ Tracking แตกต่างจาก Z6ii อยู่บ้าง ผมไม่สามารถใช้ Tracking ในระบบ AFS ได้เหมือนใน Z6ii ต้องเปิดระบบโฟกัสเป็น AFC เท่านั้นจึงจะใช้ Tracking ได้ครับ มันก็ดูสมเหตุสมผลดีแหละ แค่ตอนนี้มันชินกับของเดิมที่เคยตั้งค่าไว้เท่านั้นเอง
The autofocus system of the Zf seems to be directly borrowed from the Z8 and Z9. From my brief experience with the Z9, the features are quite similar. And when comparing the Zf to the Z6ii, the autofocus system is indeed much faster and more accurate. It performs significantly better in low-light conditions as well. It's like autofocus has taken a big leap forward. However, there are some differences in specific autofocus controls, particularly in the tracking system. I couldn't use tracking in AFS mode like on the Z6ii; I had to switch to AFC mode to enable tracking. It seems reasonable, though—it's just that it's accustomed to the old settings for now.
Nikon Zf + Voigtlander Nokton 50 f1.2
สำหรับสาย Retro ที่อยากเอาเลนส์ MF มาใช้กล้องเองก็มีระบบ peaking รองรับ (มีทุกรุ่นทุกยี่ห้อมานานแล้ว) แต่จะหวังพึ่ง peak ในช่องมองปกติไม่ได้นะครับ ภาพหลุดโฟกัสได้ง่าย ๆ ต้องซูมเข้าไป peak ถึงจะแม่น แนะนำให้ custom control ตั้งปุ่ม Zoom เอาไว้กดเวลาใช้เลนส์ MF ครับ (แต่พอจะตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อแยกการใช้งานแบบนี้ จะคิดถึง U1 U2 U3 ที่มีให้เสมอในกล้องนิคอนรุ่นอื่น ๆ ยกเว้น Zf ปั๊ดโธ่ววววว) จะตั้งเมนูเพื่อเลือก non CPU lens data เอาไว้ใน i menu ก็ไม่มีด้วย อันนี้หงุดหงิดเล็ก ๆ ต้องไปตั้งในปุ่ม fn แล้วหมุน Dial เลือกเอา ซึ่งเรามักจะเอาไว้ตั้งเป็นอย่างอื่นแล้ว เพราะปุ่ม fn ด้านหน้าของกล้องมีเพียงแค่ปุ่มเดียว -_-”
For retro enthusiasts who want to use manual focus lenses with their cameras, the peaking system is available (it's been around for a long time in every model). However, relying solely on peaking in the normal viewfinder might not be ideal as the focus could easily be off, and you often have to zoom in to get accurate peaking. I would recommend setting a custom control for the zoom button specifically for when using manual focus lenses. But when it comes to setting different configurations for this type of usage, you might miss the U1, U2, U3 options available in other Nikon models, except for the Zf. Setting the non-CPU lens data in the i menu isn't available either, which can be a bit frustrating. You'll have to set it in the fn button and then rotate the dial to select it, which might not be convenient as the fn button on the camera is often already assigned to other functions. -_-"
เรื่องการจัดเก็บข้อมูล คราวนี้ Nikon มาแปลก ใช้ SD + Micro SD card บางคนอาจจะโอเคกับ SD card เพราะใช้กันแพร่หลายและความเร็วก็ไม่ได้ขี้เหร่นัก แต่ส่วนตัวผมเสียดาย CF express type B เท่าที่ใช้ก่อนหน้านี้มันเร็วมาก ผมว่าจะพัฒนากล้องก็พัฒนาไปให้สุดเถอะครับ อย่าให้รูปแบบการจัดเก็บข้อมูลมาเป็นอุปสรรคในการพัฒนา เหมือนตัวก่อน ๆ หน้านี้ที่ต้องย้อนมาใส่ SD ช่องนึง อย่างไรก็ตามสำหรับ Zf กรณีนี้เข้าใจได้นะครับที่ต้องใช้ SD เพราะมันบาง ทำขนาดกล้องให้คลาสสิกลงตัวได้สวยงามครับ
When it comes to data storage, Nikon has taken a somewhat peculiar approach by using both SD and Micro SD cards. Some people might be okay with SD cards because they are widely used, and their speed is not too shabby. However, personally, I regret the absence of CF express type B, which I found to be much faster in previous camera models. I believe that if Nikon wants to develop cameras, they should push them to the limit. They shouldn't let the data storage format be a hindrance to development like in the past. Having to revert to using SD cards in some cases, like with the Zf, is understandable because it's more compact and makes the camera look sleek and classic.
Nikon Zf + Nikkor 24-120 f4S
สีสันของภาพที่ออกมาก็สไตล์ Nikon แหละครับ ไม่ต่างกับ Z6ii ที่ใช้สักเท่าไร ถ้าเอามาทดสอบเปรียบเทียบกันคงเห็นความแตกต่าง แต่ใช้ทีละตัวผมว่าไม่รู้สึกอะไรครับ ส่วนคาแรกเตอร์ภาพ ปกติ profile Standard คอนทราสก็หนักหนาอยู่แล้ว...ไม่ชอบ ต้องเอามาเปิด shadow ใน LR อีกสักหน่อย แต่ถ้าเจอ profile Landscape ยิ่งหนักเข้าไปอีก...ไม่ชอบมาก ๆ ส่วนตัวผมแทบไม่เคยใช้ แต่กลับชอบโปรไฟล์ Portrait เพราะมันเปิดส่วนมืดได้ดีกว่า แต่ profile Portrait ช่วงที่ผ่าน ๆ มามันทำสีอื่นผิดเพี้ยนไปหมด ใช้งานอะไรก็ลำบาก แต่คราวนี้ Zf มาพร้อมกับ Rich tone portrait ซึ่งผมชื่นชอบมากกว่า Portrait ปกติมาก สีสันสวยงามใช้งานได้ดี จนอยากจะใช้มันทุกสถานการณ์เสียด้วยซ้ำครับ
The color rendition of the images produced by Nikon cameras, including the Zf, is typically Nikon style. It's not much different from the Z6ii, at least not noticeably so when using them individually. However, if you were to conduct a side-by-side comparison, you might see some differences. But personally, I don't feel much difference when using them individually. As for the picture profiles, the Standard profile tends to have heavy contrast... which I don't particularly like. I often find myself needing to open up shadows in Lightroom a bit. And if I encounter the Landscape profile, it's even heavier... which I really don't like. I hardly ever use it. On the other hand, I find myself liking the Portrait profile because it handles dark areas better. However, in recent times, the Portrait profile has been producing distorted colors, making it difficult to use. But now, with the Zf, it comes with the Rich Tone Portrait, which I really like more than the regular Portrait profile. It produces beautiful colors and is versatile enough to be used in various situations. I almost want to use it all the time.
Leica M11 + Leica Summilux 35 f1.4 Steel rim re-issue
Nikon Zf + Leica Summilux 35 f1.4 Steel rim re-issue + Flat monochrome profile
Nikon Zf + Leica Summilux 35 f1.4 Steel rim re-issue + Monochrome profile
มาพูดถึงภาพขาว-ดำที่ได้จากกล้องตัวนี้กันสักหน่อย เพราะนิคอนกล้าที่ใส่สวิตช์ปรับเป็นโหมดขาวดำได้ทันทีมาให้ด้วย แสดงว่าต้องมีดีมาอวดแน่นอน โดยปกติแล้วผมไม่ชอบโทนขาวดำของกล้องยี่ห้อไหน ๆ เลยยกเว้นไลก้าประกบกับเลนส์บางตัวเท่านั้น โดยภาพขาวดำ(ปกติ) จากกล้องนิคอนมักจะให้ความเปรียบต่างสูงส่วนมืดมักจะจมหายไปหมด ไล่โทนได้ไม่ดี แต่มาคราวนี้พร้อมกับการเปิดตัว Zf นิคอนจัดสรรโปรไฟล์ใหม่คือ Flat Monochrome ที่ไล่โทนได้เนียน ภาพขาวดำเก็บโทนได้ครบ ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่เตะตา แต่ดูสบายตา ดูได้นาน อย่างไรก็ตามจากการพูดคุยกับหลาย ๆ คนที่เล่นกล้องด้วยกันบ้างก็ว่ามันจืดไป ต้องเอามาปรับต่ออีกสักหน่อยนึงจึงจะสมบูรณ์ กรณีนี้เอาเป็นว่านิคอนทำการบ้านขาวดำมาดีมากแล้วครับ ผมว่าปรับ preset รอใน Lightroom เพิ่ม Contrast สักนิดนึงก็สวยมาก ๆ แล้วครับ
Let's talk about the black-and-white images produced by this camera. It's noteworthy that Nikon has included a switch to go to black-and-white mode immediately, indicating that they must have something good to show off. Generally, I'm not a fan of the black-and-white tones from any camera brand except Leica, paired with certain lenses. Typically, black and white images from Nikon cameras tend to have high overall contrast, with dark areas often completely losing detail. The tonal range is not well-preserved, and the transition between tones is not smooth.
However, with the introduction of the Zf, Nikon has introduced a new profile called Flat Monochrome, which allows for smoother tonal transitions and preserves details throughout the tonal range. Although it may not have that punchy look, it's comfortable to view and can be appreciated for a longer period. Nevertheless, from conversations with some fellow photographers, some have mentioned that it appears a bit dull and may require some additional adjustments to reach its full potential.
In this case, I believe Nikon has done a great job with their black and white rendition. I think tweaking the preset a bit in Lightroom, perhaps increasing the contrast slightly, can result in stunning black-and-white images.
Nikon Zf + Nikkor 24-120 f4S / Nikon Zf + Leica Summilux 35 f1.4 FLE edition 60
Nikon Zf + Leica Summaron 35 f3.5
Nikon Zf + Leica Summaron 35 f3.5
เอ่ยถึง Lightroom ก็ต้องขอชมว่า Nikon ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีเรื่อง Profile โดยมี Profile ต่าง ๆ ของ Zf ปรากฏใน Lightroom ให้ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่วันที่กล้องออกวางจำหน่าย ไม่ต้องรอ แตกต่างจากบางยี่ห้อที่เคยต้องรอกันเป็นเดือน ๆ กว่าจะได้ใช้ profile ของกล้องใน Lightroom ครับ
Speaking of Lightroom, I must commend Nikon for their excellent work on profiles. The profiles for the Zf appeared in Lightroom immediately from the day the camera was released. There was no need to wait, unlike some other brands where we had to wait for months to use the camera profiles in Lightroom.
Nikon Zf + Nikkor 14-30 f4S
สรุปว่า Zf เป็นกล้องที่ตัดสินใจยากนะครับ สำหรับคนที่กำลังจะหากล้อง Nikon สักตัว ผมเชียร์ว่าข้าม Z6ii แล้วมาตัวนี้เลยถึงมันจะแพงกว่าแต่ก็คุ้มค่ากว่าใช้ไปได้ยาว ๆ ไม่ต้องไปถึง Z8 Z9 ที่แพงกว่าสองเท่าก็ได้ ส่วนคนที่ถือ Z6ii อยู่จะย้ายมาไหม ต้องคิดกันเยอะหน่อยครับ จริงอยู่ที่ระบบการประมวลผลและการโฟกัสดีขึ้นมากแบบรู้สึกได้ แต่ Z6ii ก็ยังดีเพียงพอต่อการใช้งานโดยทั่วไปอยู่นะครับ ผลผลิตของภาพที่ออกมาก็อาจไม่ได้ดูแตกต่างกันมากนัก แต่โอกาสในการได้ภาพจะมีมากขึ้น ดังนั้นถ้ายังมีความสุขกับ Z6ii อยู่ก็ยังไม่ต้องมาก็ได้ครับ เอางบประมาณไปสมทบกับเลนส์ดี ๆ ไปก่อน เดี๋ยวมันก็จะมีรุ่นใหม่ ๆ ออกมาอีก แต่ถ้าวกกลับคิดถึงรูปลักษณ์ของกล้องด้วยแล้ว บอดี้หน้าตาคลาสสิกแบบนี้ Nikon ไม่ได้ทำออกมาบ่อย ๆ ถ้าจะมา Zf เลยก็สามารถถือใช้ไปได้ยาว ๆ ครับ... สวัสดี
In summary, deciding on the Zf can be challenging. For those looking for a Nikon camera, I'd cheer for skipping the Z6ii and going straight for this one, even though it may be more expensive. It's worth it for long-term use. There's no need to go all the way to the more expensive Z8 or Z9. As for Z6ii users considering a switch, it's something to think about. The improved processing system and autofocus make a noticeable difference, but the Z6ii is still good enough for general use. The resulting images may not differ much, but the opportunities to capture them are greater. So, if you're still happy with the Z6ii, there's no rush to upgrade. Invest the budget in good lenses first. There will always be new camera models coming out. However, if you also consider the aesthetics of the camera body, this classic-looking design from Nikon is not common. If you go for the Zf, it can serve you well for a long time. Goodbye.
Nikon Zf + Nikkor 180-600 f5-6.3
Nikon Zf + Nikkor 180-600 f5-6.3
ปล. Nikon Zf ยังมีอีกหลากหลายฟังก์ชั่น เช่น Focus shift, Pixel shift, Interval, Timelapse, HDR, Bracket, Multiple exposure, Starlight view ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่นานน้านนนนใช้สักทีนึง หรือไม่ก็ไม่เคยได้ใช้เลย อย่างเช่นพวก Bracket (ถ่ายคร่อม) จริง ๆ มีมาตั้งแต่สมัยกล้องฟิล์ม แต่พอมาดิจิทัล มี RAW แล้วผมว่าอันนี้ไม่ค่อยจำเป็นแล้วก็ไม่เคยได้ใช้มันเลยครับ ส่วนฟังก์ชันใหม่ ๆ เช่น Pixel shift ที่สามารถถ่ายภาพมาหลายช็อตแล้วเอามารวมเป็นไฟล์ความละเอียดสูงได้ อันนี้น่าสนใจมาก แต่สารภาพว่ายังใช้ไม่เป็น ถ่ายมามันก็เป็นหลาย ๆ ไฟล์ ไม่รู้เอามารวมกันอย่างไร ใครใช้เป็นขอความกรุณาแนะนำด้วยจะขอบคุณมากครับ
Nikon Zf also offers a variety of functions such as Focus Shift, Pixel Shift, Interval, Timelapse, HDR, Bracketing, Multiple Exposure, and Starlight View. These are functions that have been around for a long time, but I either rarely use them or have never used them at all. For example, features like Bracketing have been available since the film camera era, but with the advent of digital and the availability of RAW files, I find them less necessary and have rarely used them. As for newer features like Pixel Shift, which allow you to take multiple shots and combine them into a single high-resolution file, it's a very interesting feature, but I haven't really used it yet. The challenge lies in how to merge these multiple files together. If anyone has experience using this feature, I would greatly appreciate some guidance. Thank you very much.
Nikon Zf + Nikkor 24-120 f4S
Comments