top of page

Mirrorless เรือนแสน ปะทะ iphone 12 pro

Updated: Aug 24, 2023

“ฤา จะไม่มีที่ยืนให้กล้องคอมแพ็ค”


สืบเนื่องจากไม่นานมานี้ผมคัน ไปสอยเจ้า iphone 12 pro มาเพื่อจะใช้ LiDAR สแกนสามมิติ เผื่อไว้ใช้ทำงานทำการ วันหยุดเลยมีโอกาสได้มาลองทดสอบภาพที่ได้กันสักหน่อย ทุกท่านน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ากล้องจากโทรศัพท์มือถือทุกรุ่นในปัจจุบันมีข้อจำกัดเรื่องความบางของตัวเครื่องจึงไม่สามารถยัดเซนเซอร์ขนาดใหญ่และเลนส์ใหญ่ ๆ ลงไปเพื่อให้ได้คุณภาพของภาพทึ่สุดขีดได้ แต่ด้วยข้อจำกัดนี้เอง ภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือจึงมีการใช้ซอฟท์แวร์เข้ามาช่วยในการตีความและประมวลผลเป็นอย่างมาก ในบทความนี้ผมคงไม่พูดถึงการเปรียบเทียบกล้องกับโทรศัพท์มือถือค่ายอื่น ๆ นะครับ ขี้เกียจดราม่า ใครชอบอะไรก็ซื้อไป ก็ขอเอาภาพถ่ายมาเปรียบเทียบกับกล้องที่ตัวเองมีก็แล้วกันครับ

iphone12 pro ไม่ max

ตัวอย่างการสแกนสามมิติที่ตัดสินใจซื้อ iphone12 pro ไว้ใช้

ภาพที่ถ่ายด้วยช่วงซูมต่าง ๆ ของ iphone12 ได้แก่ 0.5x 1x 2x 5x และ 10x


ด้วยความรู้สึกที่ว่าซอฟท์แวร์ประมวลผลภาพในโทรศัพท์เดี๋ยวนี้มันเก่งกาจเหลือเกิน จนแทบจะก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องขนาดเซนเซอร์ไปได้เสียด้วยซ้ำ เพราะลองเอา iphone 12 มาถ่ายด้วยระยะต่าง ๆ ซูมทั้ง optical และ digital ดูก็พบว่า เอ้อ ภาพมันพอใช้ได้เลยนะเนี่ย การจัดการสีก็ดี ความคมก็ดี ไม่บูสต์คอนทราสต์โหดเกินไป สีก็ตรงดีใช้ได้ เลยนึกคัน ๆ ว่าน่าจะลองเอามาเทียบกับกล้องถ่ายภาพโดยเฉพาะดูบ้าง หันไปหันมาก็ไปเจอ Panasonic S1 + Sigma 24-70 f2.8 DG DN Art ราคาเรือนแสนนอนอยู่ใกล้ ๆ ก็เลยหยิบมาลองถ่ายในมุมเดียว ๆ กันดู ได้ภาพอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ


ภาพถ่ายจาก Panasonic S1+Sigma 24-70 f2.8 Art (ซ้าย) และ iphone12 pro (ขวา)

ดูเผิน ๆ เมื่อเทียบกันระหว่าง ip12 กับ S1 ถ้าดูภาพจากจอกคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ขยาย 100% มาขุดคุ้ยกัน พบว่ามันแทบจะใช้แทนที่กันได้เลยในสถานการณ์ทั่ว ๆ ไป ที่ต้องการบันทึกภาพ บันทึกเรื่องราว โดย ip12 จะให้ภาพในอัตราส่วน 4:3 ส่วนสีสันของภาพที่ได้มานั้น คราวก่อนเปรียเทีบ S1 กับ Leica ก็ว่า S1 บูสต์สีโทนแดง ๆ มาบ้างแล้ว มาเจอ ip12 นี่หนักเลยครับ แดงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ผมเดา ๆ เอานะครับว่าทำไมถึงพยายามแอบ และไม่แอบบูสต์โทนสีช่วงนี้ขึ้นมา ผมว่ากล้องสมัยใหม่เขามุ่งให้ความสำคัญไปกับการถ่ายภาพบุคคลครับ การให้สีโทนแดงขึ้นมามันช่วยให้หน้าคนมีน้ำมีนวลดูเป็นคน ไม่ซีด ไม่เหลืองเป็นผีในบางสถานการณ์ครับ เรียกว่าถ่ายคนแล้วสวยง่ายว่างั้นเถอะ แต่ก็ต้องแลกกับความเพี้ยน ๆ ของสีในภาพรวมไปบ้าง ซึ่งถ้าไม่ถ่ายหลาย ๆ กล้องมาเปรียบเทียบกัน ผมว่าไม่เห็นครับ น้อยคนที่จะสังเกตครับ ดูจากรีวิวโทรศัพท์รุ่นต่าง ๆ ก็ยังพูดถึงเรื่องคุณภาพของภาพอย่างจริงจังกันไม่มากนัก (อันที่จริงก็อ้างอิงรีวิวพวกนั้นไม่ค่อยได้ล่ะนะครับ เข้าใจแหละว่ามันเป็น Commercial)

นอกเหนือจากเรื่องสีสันของภาพแล้ว เมื่อดูภาพรวมโดยไม่ขยายขึ้นมาส่อง ผมว่าดีเหมือนกันทั้งคู่เลยครับ ภาพดูคมคายดี ไอโฟนมีภาษีตรงที่ซอฟท์แวร์ของโทรศัพท์มันจัดการอัตโนมัติให้หมดทุกอย่าง ปรับแสง เกลี่ยเสง ทำ HDR ซึ่งเจ้า HDR ของ ip12 นี่พีคอยู่ ขนาดที่ว่าถ่ายด้วยไฟล์ RAW ด้วยไฟล์เดียวจาก S1 ชุดราคาเรือนแสนยังดึง Highlight กลับมาไม่ได้เท่าถ่ายจากโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำไป

iphone12 pro


night mode ก็สะดวกสบายมากครับ สามารถถือถ่ายด้วยมือเปล่า Shutter นาน 3 วินาที ประมวลผลมาได้นิ่งกริ๊บ ภาพดีปราศจากจุดรบกวน ต้องยกนิ้วให้ซอฟท์แวร์จริง ๆ ครับ อย่างไรก็ตามคุณภาพของภาพที่ได้มาจากการลดจุดรบกวนมันหลีกเลี่ยงไม่พ้นครับ เรื่องภาพจะดูเป็นวุ้น ๆ และเสียรายละเอียดไป ปกติผมถ่ายภาพ RAW ก็ไม่เคยปรับลดจุดรบกวนเลยแม้แต่น้อย ให้มันมีไปอย่างนั้นแหละ ภาพจะได้ไม่ซอฟท์ลง


เปรียบเทียบรายละเอียด Panasonic S1 + Sigma 24-70 f2.8 Art (ซ้าย) กับ iphone12 pro (ขวา)


ในบางสถานการณ์แบบนี้ ขยายซูมภาพออกมาเทียบกันแล้วร้องซี๊ด iphone12 มันแย่กว่าจริง ๆ นะครับ แต่แย่กว่าไม่มาก (มั้ย) เมื่อเทียบกับขนาดเซนเซอร์และราคากล้องที่เอามาเปรียบเทียบกัน กล้องคอมแพ็คในตู้ที่เหลืออยู่สั่นเลยครับ


iphone12 มาตกม้าตายตรงกำลังแยกขยายในบางสถานการณ์นี่แหละครับ


ทีนี้ครับ เรามาซูมดูกันกับภาพอื่น ๆ บ้าง ถึงจุดนี้คนมีกล้อง Mirrorless ที่กำลังจะขายทิ้งต้องรีบยั้งไว้ก่อน เพราะอย่างไรก็ตามคุณภาพของภาพที่ได้เมื่อขยายมาดูแล้วในบางกรณี มันทิ้งห่างกันแน่นอนครับ เซนเซอร์ตัวจิ๋วเดียวขนาด 1/3.X” เทียบกับเซนเซอร์ฟูลเฟรม มันจะไปสู้ได้อย่างไร ภาพ ip12 เมื่อซูมขยายเข้ามาดูจะเห็นเป็นวุ้น ๆ เลยครับ โดยเฉพาะการถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูง ต้องการกำลังแยกขยายของเลนส์มาก ๆ เน่าทันที ใช้ไม่ได้เลยสักช่วงเดียว ซูมดิจิทัลยิ่งไม่ต้องพูดถึง เละมาก แต่เละในที่นี้คือเละเรื่องคุณภาพของภาพเมื่อเปรียบเทียบกันนะครับ แต่ถามว่าได้ภาพไหม ก็เรียกว่าได้ภาพอยู่ครับ ได้ข้อมูลครบถ้วน เช่นเจอนกที่ไม่รู้จัก เอา ip12 ซูมดิจิทัล 10X ถ่าย ก็ยังพอเอาไปจำแนกได้ว่าเป็นนกอะไร ถือว่าได้ภาพแต่ไม่ได้คุณภาพครับ ส่วน S1 ไม่ต้องพูดถึง เรียบร้อยดี คุณภาพตามเซนเซอร์และเลนส์ที่ใช้ครับ สิ่งที่น่าสนใจของ ip12 คือภาพที่ได้มาเมื่อซูมเข้าไปดูไม่ได้เละเป็นวุ้นทุกภาพเสมอไปครับ บางภาพยังได้ภาพที่ถือว่าคุณภาพพอใช้ได้อยู่ ส่วนมาจะเป็นภาพสิ่งของต่าง ๆ หรืออาคาร ที่เข้าใจว่าซอฟท์แวร์มันรู้จักและทำนายได้ แต่ถ้าเป็นภาพต้นไม้ใบหญ้าเมื่อไร เละเมื่อนั้นครับ ต่างจากกล้องที่พึ่งพิงคุณภาพจากออฟติกตรง ๆ เลนส์ดีก็คมชัด เลนส์ไม่ดีก็มีฟุ้งมีซอฟท์ ๆ บ้าง แต่ภาพจะไม่เป็นวุ้นจากการกระทำของซอฟท์แวร์ครับ

การทำหน้าชัดหลังเบลอ ถึงมี LiDAR มาช่วยแต่ก็ยังปลอมอยู่มากครับ


สรุปกันง่าย ๆ ก็คือว่า ip12 ดีไหม ก็ตอบได้เลยว่าดีครับ ส่วนตัวผมพกแทนกล้องคอมแพ็คตัวเล็ก ๆ ถ่ายภาพต่าง ๆ ได้สบาย ๆ ถ้าใช้แค่ถ่ายไว้ดูเล่นเอง หรืออัพลงโซเชียลเว็บไซต์ เหลือเฟือครับ แต่ถ้าคิดจะใช้แบบมืออาชีพ หรือเป็นคนที่ถวิลหาคุณภาพของภาพมาก ๆ มันยังไม่ใช่คำตอบแน่นอน ใครอยากได้ภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ กล้องโทรศัพท์ไม่ใช่คำตอบแน่นอน มันยังไม่ฉลาดขนาดนั้นครับ ยังดูปลอม ๆ อยู่มาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เห็นคือเทคโนโลยีด้านซอฟท์แวร์มันตีตื้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมว่าปัจจุบันกล้องคอมแพ็คก็ร้อน ๆ หนาว ๆ กันแล้วครับ ที่เอามาเปรียบเทียบให้ดูนี่ก็จะได้พอเห็นภาพนะครับว่าจะใช้กล้องอะไรจะเอาคุณภาพระดับไหน


ไหน ๆ พูดมาแตะ ๆ เรื่องการเลือกซื้อกล้องเสียแล้วขอแถมอีกสักนิดนึงว่าอยากซื้ออยากลองอะไร ส่วนตัวผมไม่แนะนำให้ตั้งโจทย์ว่าจะเอาอุปกรณ์นั้นมาทำอะไรเหมือนหลาย ๆ สำนักว่ากันนะ ผมว่ามันตีกรอบทางความรู้สึกมากไปหน่อย อยากได้อะไรผมแนะนำว่าก็ให้ไปหามาลองครับ ชอบค่อยซื้อ ซื้อมาไม่ถูกใจก็คืนหรือขาย อยากแข็งแรงอ่านแต่ตำราออกกำลังกายมันไม่ได้อะไรครับ ต้องออกกำลังกายเองเลย จะผิดจะถูกยังไงมันได้กับตัวแน่นอน และของที่ใช่สำหรับวันนี้ อาจไม่ใช่ของที่ใช่ในวันพรุ่งนี้ก็ได้ครับ สถานการณ์มันเปลี่ยนได้เสมอ ชีวิตและความคิดเราเป็นพลวัตครับ... สวัสดี

Commenti


bottom of page