top of page

Leica APO-Summicron-SL 35 f/2 ASPH.

Updated: Aug 24, 2023

มหาแพง f2 จัดมาคุ้มไหม


สวัสดีครับผมกลับมาแล้ว หลัง ๆ รู้สึกว่ารีวิว L mount ชักเยอะ เอาไว้จะรวบรวมเป็นเล่มอีกสักทีน่าจะดี วันนี้มีเลนส์ตัวใหม่มารีวิวลองเล่นให้อ่านกันอีกแล้วครับ เรียกว่าไม่ต้องใช้เวลาศึกษารีวิวกันนานเลย เชื่อไหมว่าแค่ถ่ายภาพแรกออกมาก็ตัดสินกันได้แล้ว! ขึ้นชื่อว่าเลนส์ 35mm f2 นะครับ หลายท่านคงคุ้นเคยกับเลนส์ขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาไปไหนมาไหนสะดวก คุณภาพเน้นคมไม่เน้นนุ่ม ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ แต่ไลก้ากลับเปิดตัว Leica APO-Summicron-SL 35 f/2 ASPH. สำหรับอนุกรม L mount มาตรงข้ามกับสิ่งที่คุ้นเคยมาทุกประการ ขนาดใหญ่โต หนักมาก และราคาแพง(มาก) ตามสไตล์ไลก้า มันคุ้มค่าที่จะครอบครองหรือไม่ ควรซื้อมาใช้ไหม ผมทดลองเจาะลึกมาให้แล้วครับทุกท่าน


สำหรับเอาไว้เปิดฟังเล่น ๆ พูดคุยกันประสาเพื่อนพี่น้องนะครับ

มาต่อกันเลย


ไลก้าเปิดตัว Leica APO-Summicron-SL 35 f/2 ASPH.ในปี 2019 ตอนนี้ของใหม่สามารถหาซื้อได้ไม่ยากเย็น แต่ของมือสองอาจต้องรอจังหวะดี ๆ กันสักนิดนึง (ซึ่งเลนส์พวกนี้ผมแนะนำให้ซื้อมือสองครับ ประหยัดกว่าพอสมควร ในขณะที่เลนส์มันไม่มีอะไรต้องกังวล มันไม่พังกันง่าย ๆ) ตัวนี้เป็นเลนส์ 35mm f2 ที่ราคาแสนกลาง ๆ !!! สำหรับคนที่ “ปกติ” มันเป็นเลนส์มหาแพงที่ซื้อก็มาก็บ้าแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับคน “ไม่ปกติ” อย่างเรา ไลก้าเปิดราคานี้มาก็ไม่แปลกใจมากนักสำหรับเลนส์ made in Germany แต่จะถอยมาก็หนาว ๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อ 20 ปีก่อนสมัยที่ยังใช้ Canon ก็ยังฝันถึง EF 35mm f1.4L USM ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่าค่าตัวมันราว ๆ สามหมื่นกว่าบาท รู้สึกแพงมากจนไม่กล้าซื้อมาใช้ พอมา 20 ปีให้หลังกลับมาเล่น 35mm f2 ที่ราคาแพงกว่า 5 เท่าเสียได้ ถ้าเป็นเลนส์ M จะไม่คิดอะไรเลยเพราะมันมีมูลค่าในตัวมาอย่างยาวนาน แต่เลนส์ SL ต้องรอดูกันไปยาว ๆ ครับ ระบบไฟฟ้า แม่เหล็ก มอเตอร์ ยาง จะเป็นอย่างไร คงมูลค่าในตัวของมันได้มากน้อยแค่ไหนกาลเวลาจะพิสูจน์ครับ



แล้วเลนส์ไลก้าตัวนี้มันน่าสนใจตรงไหนกัน? ประการแรกคือการใช้กล้องและเลนส์ที่มาจากผู้ผลิตเดียวกันจะรีดประสิทธิภาพของเลนส์และซอฟแวร์ที่รองรับได้เต็มที่ ดังที่เคยกล่าวไว้ในรีวิวเลนส์ Leica Vario-Elmarit SL 24-70 f/2.8 มาแล้ว และประการที่สองคือ มันเป็น Optic ของไลก้าเองแท้ ๆ มันควรจะได้คาแรกเตอร์ภาพที่แสดงถึงไลก้าได้อย่างชัดเจน ว่าแล้วก็ DM ไปหาร้านประจำ Kamera Craft และต้องขอบคุณที่จัดส่งมาให้ได้ลองเล่นลองรีวิวกันทันเวลาก่อนขึ้นเครื่องไปลุยงาน World Expo ที่ดูไบพอดิบพอดี ซึ่งไปดูไบเที่ยวนี้ผมมีเวลาอยู่ที่ UAE แค่สองวันเท่านั้น เลยเลือกที่จะพก Leica SL2-S + Leica APO-Summicron-SL 35 f/2 ASPH. ไปเพียงตัวเดียว เวลาไปเที่ยวไหน ๆ ถ้าไม่อยากแบกเยอะส่วนตัวผมแนะนำเลยครับ เลนส์ Fixed 35mm ดี ๆ ตัวเดียวเอาอยู่ มันไม่แคบเกินไปและไม่กว้างเกินไป ซูมด้วยเท้าเอานิดหน่อย ทัศนมิติกำลังดี ไม่ลึกเกินจริงมากไป ไม่หลอกตาเหมือนเลนส์มุมกว้างมาก ๆ ถ่ายคนก็ยังสวย ถ่ายสถาปัตยกรรมก็กำลังดี ส่วนตัวผมเองไม่ถนัดเลนส์ช่วงที่กว้างกว่านี้ เช่น 28mm หลายท่านอาจคิดว่าเอ๊ะ เราซื้อ Leica Q แล้วตั้งให้มัน crop เป็น 35mm ก็ได้นี่... ไม่ได้เลยครับ การครอปในภายหลังมันทำให้ความกว้างของมุมมองแคบเสมือนเลนส์ 35 mm ก็จริง แต่ความลึกยังไงก็ยังเป็นเลนส์ 28mm เหมือนเดิมครับ ฝากพิจารณาในเรื่องพวกนี้กันด้วยก่อนจะหิ้วกล้องหิ้วเลนส์ตัวไหนไปลุยกันครับ


บอดี้และงานประกอบ

ได้มาแล้วก็นั่งพิจารณาลูบคลำกันไปบนเครื่องตามเรื่องก่อนนำไปใช้งาน ลูบไปลูบมาก็รู้สึกได้ว่าเลนส์มันมีจำนวน 13 ชิ้น 11 กลุ่ม มีชิ้นเลนส์ Aspherical 3 ชิ้น อัตราขยายสูงสุดประมาณ 1:5 น้ำหนัก 750 กรัม แบกกันคอห้อยตามเคยสำหรับเลนส์อนุกรมนี้ครับ สำหรับจำนวนไดอะแฟรมมีกี่เบลดทางไลก้าไม่ได้ระบุเอาไว้ พยายามเอาไฟส่องเพื่อจะนับแต่ก็ทำไม่ได้ครับ มันซ้อนกันเนียนเหลือเกิน ส่วนจุดที่เป็นคำถามยังคงเป็นเรื่องเดิมเกี่ยวกับฝาปิดหน้าเลนส์ที่เป็นยาง ว่ามันจะทนทานแค่ไหน และฮูดทรงกลมผสมเหลี่ยมที่เป็นพลาสติก -_-“ ดูไปดูมาจึงเห็นว่าสำหรับเลนส์อนุกรม SL ที่ผลิตในเยอรมันจะเป็นฮูดพลาสติกทั้งหมดทุกรุ่น ยกเว้นเจ้า Vario-Elmarit 24-70 f/2.8 รุ่นที่ผลิตในญี่ปุ่นตัวเดียวที่ได้ฮูดเป็นโลหะ การใช้งาน คุณภาพของภาพไม่ต่างกันหรอกครับแต่มันมีผลทางใจนิดหน่อย


ตัวเลนส์ทำออกมาทรงกระบอกเรียบเกลี้ยง ไม่มีสกรีนเลอะเทอะบนกระบอกเลนส์ มีแค่อักษรสีเหลืองแสดงเลข 35 เท่านั้น แต่มีสกรีนชื่อรุ่นและ Serial number สีขาวที่ขอบเลนส์ด้านหน้าแทน แหวนโฟกัสขนาดใหญ่มากหุ้มด้วยยาง ฟิลลิ่งในการหมุนค่อนข้างหนืดมากกว่าเลนส์อื่น ๆ ที่เคยลอง แต่มีความนุ่มนวลเป็นอย่างมาก และเลนส์ก็มีแค่นี้เลย ไม่ต้องคาดหวังสวิตช์หรืออะไรทั้งสิ้น เรียบ ง่าย และมีแค่นั้น


Apochromatic design

ช่วงหลัง ๆ ไลก้าเริ่มทยอยออกเลนส์ที่มี APO ออกมาเรื่อยในราคาที่แพงมาก ๆ ซึ่งชิ้นเลนส์ APO นี้จะช่วยแก้ไขความคลาดทรงกลม (ขอบเบลอ ๆ) และความคลาดสี (ขอบม่วง/ขอบเขียว) คำอธิบายภาษาไทยในเว็บไซต์ https://cameramaker.co.th/2021/08/31/what-is-apo-lens/ ก็อธิบายไว้ได้ชัดเจนดีเหมือนกันครับ (เอาลิงค์มาแปะเลย ขี้เกียจพิมพ์ ฮ่ะ ฮ่ะ) ก็ได้แต่ปลอบตัวเองล่ะครับ ราคานี้ได้ APO มา คมยันขอบภาพ ขอบม่วงขอบเขียวหายหมด (ซึ่งเจ้า 24-70 ที่ถอดเอา Sigma มา ใช้ซอฟแวร์ของกล้องก็จัดการปัญหานี้ให้หายไปหมดเกลี้ยงได้เช่นกัน) โดยนึกคิดเอาเองว่ามันหายเพราะคุณภาพของเลนส์จริง ๆ ไม่ใช่การใช้ซอฟแวร์ เอาจริง ๆ ต้องลองเอาเลนส์ตัวนี้ไปใส่กล้อง L mount ยี่ห้ออื่น ๆ ดูครับว่าเป็นอย่างไร ถ้าแก้ไขปัญหาได้จริง ๆ จากเลนส์ก็นับว่าดีอยู่เพราะเอาไปใช้กับกล้องอื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องมากังวลเรื่อง profile ของเลนส์ว่าจะคุยกับกล้องได้มากน้อยแค่ไหน


ถ่ายย้อนแสงเต็ม ๆ ซูมเข้ามาดู ถือว่า APO ใช้ได้เลย แก้ปัญหาขอบม่วงที่มีในเลนส์แบบ DG type ได้ดีมาก


การใช้งาน

เมื่อประกอบเลนส์ตัวนี้กับ Leica SL2-S แล้วพบว่า “ลงตัว” ด้านน้ำหนักมากครับ ไม่หนักไม่เบาเกินไปการจับถือกล้องได้สมดุลดี ใช้งานสะดวก ยกถือมือเดียวแมน ๆ ยังพอไหวครับ เทียบกับ 24-70 อันนั้นถือมือเดียวไม่ไหว สั่นงั่ก ๆ 24-90 ไม่ต้องพูดถึง ส่วนหนึ่งไม่ใช่แค่น้ำหนักแต่เป็นความสมดุลของน้ำหนักเลนส์กับตัวกล้องครับ ที่เราต้องออกแรงข้อมือดึงมันไว้ เลยทำให้การจับถือไม่เสถียร


ความเร็วในการโฟกัสถือว่าไว! ไวกว่าเลนส์ L mount ทุกตัวที่เคยใช้มา ไลก้าใช้คำว่า Dual Syncro Drive™ เป็นการใส่ Stepping motor 2 ตัว ทำให้โฟกัสได้ไวมาก Tracking ได้แบบเกาะหนึบ ลองโฟกัสที่มือแล้วแกว่งไปมาก็ยังเกาะได้แม่นยำ ไม่มีพลาด เสียอย่างเดียวว่าตอน Tracking เสียงมอเตอร์มันดังราวกับจะขาดใจ


ภาพแบบ Leica

หลังจากลงเครื่องมาในยามวิกาลที่เมืองอาบูดาบีแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็มุ่งหน้าไปงาน Expo ที่ดูไบเลยครับ ขับรถประมาณชั่วโมงนึง ไปถึงงานประมาณ 9 โมงเช้า ถ่ายภาพออกมาแชะแรกอุทานกับตัวเองเลยครับว่า “&*%@!” เลนส์ตัวนี้มันใช่แล้วล่ะ คาแรกเตอร์ภาพแบบ Modern Leica Look ชัดเจนมาก และมองออกตั้งแต่ภาพแรกได้เลยว่าการสร้างภาพที่เด้งเป็น 3D ต้องมีมาให้เห็นแน่นอน แถมน่าจะมาง่ายด้วย เพราะรู้สึกว่าถึงแม้ว่าจะเป็นเลนส์ f2 เบลอหลังได้ไม่มากนัก แต่ระยะชัดจริง ๆ กลับไม่ลึก เลนส์จะจับวัตถุที่โฟกัสไว้คมชัดมากแต่ระยะถัดจากนั้นอีกนิดเดียวจะเริ่มรู้สึกทันทีเลยว่าเริ่มเบลอออกแล้ว ทำให้การแยกแยะความลึกความตื้นของภาพทำได้ชัดเจนมาก การไล่โทน มิติภาพทำได้ดีมาก ๆ


ความคมชัด

คำถามแรก ๆ เวลาที่คนส่วนใหญ่เลือกซื้อเลนส์คงไม่พ้นคำว่า “เลนส์ตัวนี้คมไหม” คำถามนี้ผมเห็นด้วยเมื่อ 20 ปีที่แล้วครับ ตอนนั้นเลนส์มันไม่คมจริง ๆ หลายรุ่นเมื่อเปิดรูรับแสงกว้างสุดภาพจะออกฟุ้ง ๆ นัว ๆ ไม่คม หรือมีความคลาดทรงกลมมากจนขอบภาพขาดความคมชัด หรือกำลังแยกขยายต่ำ ใช้งานไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะเลนส์คิทที่แถมมากับกล้องจะมีความเน่าอยู่ระดับนึง หรือเลนส์เทเลซูมราคาถูกที่ช่วงปลายซูมเน่าสนิท ช่างภาพระดับจริงจังจึงต้องไปหาเลนส์ใหม่กันให้วุ่น อย่างไรก็ตามเมื่อตลาดกล้องดิจิทัลเติบโตขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง พัฒนาการของเลนส์ก็มีคุณภาพดีตามมาด้วยเช่นกัน จนทุกวันนี้แค่เลนส์คิทก็ดีมากพอที่จะใช้งานทั่วไปถึงงานซีเรียสได้แล้ว ผู้ใช้งานก็จะถวิลหาในสิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น กำลังแยกขยาย ไมโครคอนทราสต์ ฯลฯ เพราะฉะนั้น ผมว่าสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องถามหาความคมชัดกันอีกต่อไป แต่ควรมาพิจารณาดูความกลมกล่อมของภาพที่เกิดจากส่วน Focus และส่วน Out of focus ของเลนส์กันดีกว่า ที่เขียนมาแบบนี้เพราะ Leica APO-Summicron-SL 35 f/2 ASPH. ทำผมแปลกใจ เลนส์ f2 ราคาแสนกลาง ๆ ถ่ายภาพออกมาซูมดูแล้วร้องเฮ้ย เพราะมันไม่ได้คมขนาดนั้น คมไหมตอบได้ว่าคม แค่คมที่สุดไหม ผมรับประกันได้ว่ามีเลนส์ที่คมกว่าตัวนี้อีกหลายตัวแน่นอน อย่างน้อย ๆ ก็ Zeiss ซึ่งแสดงให้เห็นมาแล้วตอนที่ผมถ่ายเปรียบเทียบระหว่าง Zeiss Distagon T* 1.4/35 ZM กับ Leica Summilux 1.4/35 ASPH. FLE ตามลิงค์นี้เลยครับ https://paronya.wixsite.com/paronya/single-post/2019/04/13/summilux-vs-distagon เพราะฉะนั้นใครซื้อไลก้ามาแล้วคิดว่าจะได้เลนส์คมที่สุด ให้คิดใหม่ครับ ไลก้าไม่ได้ทำเลนส์มาแบบนั้น (ไม่ใช่ไม่คมนะครับ มันถือว่าคมมาก แต่ไม่คมที่สุดเมื่อเทียบกับตัวอื่น ๆ ในท้องตลาด) แต่ถ้าลองใช้ ๆ ไปจะเห็นความกลมกล่อมของมัน ระยะ Focus ที่ชัดให้ความคมที่ไล่ไปแล้วพอดีกับส่วนอื่น ๆ ของภาพ ส่วนที่เบลอแยกตัวออกไปเร็ว แต่ไม่หายกระจุยกระจายจนสร้างความเปรียบต่างกับตัวแบบทันที มันรักษาเอกภาพของภาพได้ดี เรื่องนี้ต้องยกความดีให้การควบคุมคุณภาพของมิติสีสัน และการไล่โทนของภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เร่งคม ไม่เร่งคอนทราสต์


ถ้าเทียบกับ Leica Vario-Elmarit SL 24-70 f/2.8 ที่ใช้อยู่แล้วภาพที่ได้ออกมาค่อนข้างต่างกันชัดเจน ภาพจาก Leica APO-Summicron-SL 35 f/2 ASPH. จะให้ความหวาน ๆ นวลตามากกว่า 24-70 ที่ดูจะกระด้างมากกว่าหน่อย (แต่หวานยังไงก็ยังสู้พวกเลนส์ Leica Vintage ไม่ได้นะครับ มันคนละคาแรกเตอร์กัน) มิติของภาพให้มาแบบสุดยอด การไล่โทน ไล่สี สุดยอด ตอนก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่ามันจะแตกต่างกันได้ขนาดนี้จนมาใช้เองทำให้รู้ว่าบางครั้งภาพธรรมดา ๆ ก็กลายเป็นภาพที่พิเศษได้ด้วยเลนส์ตัวนี้เลยครับ


ส่วนเรื่องความคมชัดตามค่ารูรับแสง จริง ๆ แล้วเลนส์ตัวนี้ก็ให้ความคมที่น่าพอใจตั้งแต่ f2 นะครับ แต่ผมยกให้ f5.6 เป็นค่ารูรับแสงที่ได้รับความคมมากที่สุด ส่วนพวก Diffraction จะชัดเจนเมื่อดันไปถึง f16 กับ f22 ถ้าเลือกได้ควรหลีกเลี่ยงเพราะความคมชัดจะลดลงไปมากพอสมควร (เมื่อซูมดู)

ไล่ไปเลย f2-f22 ดูภาพเล็ก ๆ อาจไม่ค่อยเห็นความต่างของคุณภาพสักเท่าไร

พิจารณาภาพที่ครอปมาขวามือนะครับ รายละเอียดที่ f แคบ ๆ ลดลงไปพอสมควร


Summicron Character

หลังจากลองใช้งานมาพบว่าเลนส์ตัวนี้ชอบแสงครับ ภาพที่มีแดด มีแสงชัด ๆ มันจะแสดงคาแรกเตอร์ออกมาได้ชัดเจนมาก ๆ ภาพที่ได้จะมีความพิเศษแบบรู้สึกได้เลยครับ ส่วนถ้าจะไป f1.4 Summilux พี่ ๆ ในวงการแนะว่าถ่ายภาพยามโพล้เพล้จะแสดงศักยภาพ ความหวานของมันได้เต็มที่มากกว่าครับ



ส่วนที่ไม่ชอบในเรื่องคุณภาพของภาพ ก็ย่อมจะมีอยู่เหมือนกัน



Sun star

แฉกจากแหล่งกำเนิดแสงจะเริ่ม ๆ มาให้เห็นตั้งแต่ f8 และมากขึ้นเรื่อย ๆ เอาแบบใช้งานโชว์แฉก ผมแนะนำที่ f11 ส่วนถ้าเปิดรูรับแสงแคบไปมากกว่านั้นแฉกมันจะยาวมาก จนรบกวนส่วนอื่น ๆ ของภาพไปหมดเลยครับ นับแฉกของดวงอาทิตย์มาได้ 18 แฉกเป็นแฉกยาวสลับสั้น จึงอนุมานว่ามีไดอาแฟรมเป็นจำนวนเลขคี่ น่าจะมี 9 ใบ เรื่องไฟแฉกนี่ผมเฉย ๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าตอนใช้ Nikon ให้แฉกสวยกว่า


Lens flare

Leica APO-Summicron-SL 35 f/2 ASPH. ตัวนี้มี flare ชัดเจนอยู่นะครับ ถอดฟิลเตอร์ถ่ายแล้วก็ยังมีชัดเจนไม่ต่างกันเลย (ปกติผมใส่ฟิลเตอร์ Ceramic coated ของ Sigma ซึ่งคิดว่ามันมีคุณภาพดีมาก ๆ แล้ว) ดังนั้นเวลาถ่ายย้อนแสงก็วางมุมกันดี ๆ หน่อยแล้วกันครับ มันมาแน่



SL vs M

เรื่องนี้หลายคนคงเริ่มคิดกันละครับ ว่าเลนส์ SL ที่ขายด้วยราคาขนาดนี้ เลือกไปเล่นเลนส์ M ดีกว่าไหม เรื่องนี้มีหลายประการครับ ข้อแรกคือเลนส์ M ถ้าจะเอา M ที่เป็น APO ราคาก็บวกไปอีกแสนนึงครับ สบายกระเป๋า ประการที่สอง ถ้ามาสาย SL แล้วเราจะได้ออโต้โฟกัสมาครับกดกันชิล ๆ อย่างไรก็ตามราคามือสองของ M เนี่ยจะรักษามูลค่าได้ดีกว่า SL โดยพื้นฐานอยู่แล้วครับ Summicron SL ตัวนี้ผมแนะนำว่าให้ซื้อมาใช้นะครับ อย่าซื้อมาเก็บ ซื้อมาแพงก็ใช้ให้ยับ ลุยให้เละ ถึงจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปครับ



สรุป

สรุปกันเลยว่าซื้อหรือไม่ซื้อ ถ้างบประมาณถึงเลนส์ตัวนี้ “ซื้อได้เลย” ครับ กล้าตั้งราคา 35mm f2 มาขนาดนี้มันต้องมีดีที่จะทำให้ขายได้ ตัวนี้ภาพที่ได้มาผมชอบมากจริง ๆ ใช้แล้วลืม Summilux Noctilux ไปเลย Summicron มันได้อีกคาแรกเตอร์หนึ่ง เป็นเลนส์ตัวเดียวเอาอยู่ ตัวเดียวเที่ยวรอบโลกสบายใจ ต้องลองถึงจะรู้เองผมเชียร์สุดใจ แต่ถ้างบจำกัด เวลานี้ก็ขอให้ใจเย็น ๆ อย่าให้เดือดร้อนครับ อย่าซื้อไลก้าเพราะแบรนด์หรือเพราะจะเอามาโชว์นะครับ มันไม่ดีกับอะไรเลยถ้าเราไม่อิน ไม่อภิเชษฐ์กับคาแรกเตอร์และสมบัติของมัน มีเลนส์ยี่ห้ออื่นดี ๆ อีกมาก ต้องไปลองเล่นกันดูก่อน อาจเจอเลนส์ที่ใช่ ใช้คู่บุญบารมีกันไปยาว ๆ สวัสดี


ปิดท้ายด้วย Video Clip จาก Leica SL2-S + Leica APO-Summicron-SL 35mm f/2 ASPH. ครับ


Comments


bottom of page