top of page

Grand Seiko SBGV247

Updated: May 5

มาอีกแล้วววว...

จะว่าผมไม่เล่นนาฬิกาครับคงใช้คำนี้ไม่ได้ละ ฮ่ะ ๆ เมื่อนาฬิกามันเรียกได้ ออดอ้อนขอตามมาอยู่ด้วยได้ วันนี้มาเล่าสู่กันฟังกับนาฬิกายี่ห้อ Grand Seiko ครับ ตัวนี้ได้มาเป็นของใหม่ After market ครับ ที่ได้มาแบบนี้เพราะรุ่นนี้ไม่ได้มีขายใน Boutique ไทย และเป็น Limited Edition ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2018 ผลิตมา 1,000 เรือนครับ (ไม่ต้องตื่นเต้นกับคำว่า Limited Edition ของยี่ห้อนี้นะครับ มันทำมามากมายหลายรุ่นเหลือเกิน แล้ว Limited อะไรตั้ง 1,000 เรือน มันเยอะไปครับ มันต้อง Limited แบบ 5 เรือน 3 เรือน อะไรแบบนี้ถึงจะว้าว แล้วขอร้องว่า Grand Seiko อย่าออกนาฬิกาบ่อยนัก ทำเป็น Sony ออกกล้องไปได้ ญี่ปุ่นขยันจริงแต่มูลค่าความลิมิตเตดมันหายครับ)

เอ้า! ได้มาแล้วจะมาบ่นอะไร เรือนนี้ครับเป็นนาฬิกาที่ทั้งยี่ห้อและรุ่นต้องใช้ความเข้าใจเป็นอย่างมากกับมันจึงจะซาบซึ้ง บอกว่าซื้อ Grand Seiko สำหรับคนทั่วไปมันก็เหมือน Seiko ไม่เข้าใจความละเมียดละไมความแตกต่าง และถ้าบอกว่าซื้อนาฬิกาเครื่องควอตซ์กับนักเล่นนาฬิกาหลายท่านคงเบะปากว่าซื้อมาทำไม น่าน้อยใจแทนเรือนนี้พอสมควร อย่างไรก็ตาม Grand Seiko ถึงแม้ว่าจะมีคำว่า Seiko อยู่ในชื่อ แต่ถือว่าเป็นนาฬิกาในอีกระดับหนึ่งที่ให้ความใส่ใจกับรายละเอียดและการผลิตเป็นอย่างมาก เน้นงานฝีมือ การขัดแต่งผิวด้วยมือโดยผู้เชี่ยวชาญ ใส่แล้วเหมือนเราได้สวมใส่งานศิลปะที่บรรจงสร้างขึ้นมามากกว่าการสวมใส่แค่นาฬิกาบอกเวลาครับ ขึ้นอยู่กับว่าผู้สวมใส่จะให้ค่ามันไปในแบบไหน ส่วนควอตซ์นี่ ถ้าบอกว่าเป็นเครื่องควอตซ์ที่ดีที่สุดในโลก มันก็สมควรจะมีเก็บไว้ไหมล่ะครับ เพราะ Grand Seiko SBGV247 เรือนนี้ผลิตขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 25 ปีของเครื่อง Calibre 9F ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเครื่องควอตซ์ที่ดีที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง เริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี 1993 เป็นควอตซ์ที่ “เครื่องแรง” ไม่ได้เดินเร็วกว่าชาวบ้าน แต่มีพละกำลังที่สามารถขับเคลื่อนเข็มนาฬิกาใหญ่ๆได้ ความเที่ยงตรง ±10 วินาที “ต่อปี!” เพราะเครื่องจะปรับจูนตามลักษณะของควอตซ์แต่ละชิ้นที่นำมาใช้ เดินตรงจนไม่รู้จะตรงยังไงซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของนาฬิกาควอตซ์ และอีกประการคือตัวเครื่องเป็นโลหะสีทองขัดแต่งผิวได้สวยงามมาก ๆ แม้ไม่ได้เปิดฝาหลังโชว์ใครเขาก็ตาม ข้อดีของนาฬิกาควอตซ์คือมีความเที่ยงตรงสูง ไม่ต้องมาคอยหมุนคอยไขลาน แค่เปลี่ยนแบตทุก ๆ 3 ปีโดยประมาณ ไม่ต้องล้างเครื่องไปหลายสิบปี ส่วนข้อเสียของนาฬิกาควอตซ์ทั่วไปคือถ้าแบตหมดแล้วไม่รีบเปลี่ยน แบตมันจะเน่าน้ำไหลจะพาเจ๊งกันหมดทั้งเครื่องแค่นั้นครับ แต่สำหรับควอตซ์ของ Grand Seiko เขาเคลมว่าแบตหมดแล้วไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรีบ แบตไม่เน่า น้ำไม่ไหลแน่นอน นาฬิกาควอตซ์สำหรับคนที่นาน ๆ หยิบมาใส่สักทีมันก็สบายใจดี ไม่ต้องมาไขลานตั้งวันที่กันทุกครั้ง (แค่ตั้งวันที่ใหม่เวลาเจอเดือนที่มีน้อยกว่า 31 วัน) และสิ่งที่น่าเสียดายอย่างเดียวของเครื่องนาฬิกาควอตซ์ของ Grand Seiko คือเข็มวินาทีจะเดินเป็นสเต็ปชัดเจน ไม่ได้กวาดสะกดวิญญาณกันแบบพวกเครื่อง Automatic Hi-beat หรือ Spring drive เวลาใครยกมาดูก็จะเขิน ๆ หน่อย แต่ 1 วินาทีของ Grand Seiko คือตรงหลักที่กำหนดเป๊ะ ๆ ไม่มีพลาดนะครับ 1 วินาทีของ Calibre 9F เข็มมันขยับ 2 ครั้งครับ ขยับเร็วมากแบบตาเปล่ามองไม่เห็น แต่ท้าทายให้ไปลองที่ shop ได้เลย เอาโทรศัพท์ไปถ่าย slow motion จะเห็นว่าเข็มวินาทีขยับ 2 ครั้งต่อวินาทีครับ และมันทำให้ 9F มันเป๊ะมาก ๆ

SBGV247 มาในโทนสีน้ำเงิน/ส้ม ตัดกันดูสปอร์ตดี และเรือนนี้ก็ถูกจัดไว้อยู่ใน Sport Collection ด้วยครับ อย่างไรก็ตามแนวอารมณ์ของนาฬิกาจะออกไปทาง Tool watch มากกว่า ซึ่ง GS ไม่ค่อยเห็นนาฬิกาในสไตล์นี้มากนัก ผิวสเตนเลสมีการปัดขนแมวสลับกับขัดเงาแบ่งสัดส่วนได้สวย ดูใส่ใจรายละเอียดดี เป็นรอยเห็นได้ยากหน่อยพอจะสบายใจเรื่องรอยขนแมวไปได้บ้าง แต่มันก็ดูแตกต่างกับ Grand Seiko รุ่นยอดนิยมไปมากโข เป็นไลน์การออกแบบที่ออกมาได้อีกอารมณ์นึง ซึ่งก็สวยดี (จริง ๆ รุ่น SBGV245 ก็สวยมากครับ) และด้วยความที่เป็น Sport Collection หลักชั่วโมงและเข็มนาฬิกาจะมีพรายน้ำเรืองแสงในที่มืดมาด้วย ส่วนนี้แล้วแต่รสนิยมความชอบแต่ละคนครับ Dial เรือนนี้แตกต่างจาก SBGV243 และ SBGV245 ตรงที่มีลายกราฟิก GS9F นูนขึ้นมา ดูมีอะไรมากกว่าหน้าปัดเรียบ ๆ ของรุ่นปกติอยู่หน่อยนึง ลายนี้ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ มันไม่สวยและดู present ตัวเองมากเกินพอดีไปหน่อย แต่ตามปกติของ Grand Seiko นะครับ ถึงแม้ว่าหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มจะลายพร้อยด้วยกราฟิกแบบนี้ แต่ถ้าไม่โดนแสงในมุมเฉียง ๆ จะมองไม่ค่อยเห็นครับ เรียกว่ามีรายละเอียดแต่พยายามถ่อมตัว เก็บงำไว้ ตรงนี้เรียกว่าไม่หลุดปรัชญาในการออกแบบ ยังพอใช้ได้ ๆ เข็มวินาทีของเรือนนี้เป็นสีส้มเลยครับ แถมด้วยตัวเลขบอกนาทีสีส้มเล็ก ๆ ตามหลักชั่วโมงตรงสุดขอบของหน้าปัด ตัดกับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มได้สวยดี วัยรุ่น ๆ หน่อย ส่วนรายละเอียดเรือนนี้ผมถ่ายรูปมาโครส่อง ๆ ดูก็เห็นส่วนที่ไม่เรียบร้อยบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ แต่เราอภัยให้ได้เพราะเป็นงานทำมือแทบทั้งนั้น ถ้าส่องไปอีกในส่วนกรอบวันที่ มีการเล่นผิวสัมผัสด้าน/เงาของกรอบ แสดงถึงความใส่ใจรายละเอียดดี โลโก้ GS เป็นโลหะนูนขึ้นมาจากพื้นผิว ดูดีใช้ได้เลย ส่วนคำว่า Grand Seiko เป็นการพิมพ์ลงบน Dial ธรรมดา

พลิกมาด้านหลัง ฝาทึบ (อยากให้เห็นเครื่องจังเลยย) เป็นตราเหรียญรูปสิงโต Grand Seiko ที่คุ้นเคย ด้านหลังจะสลักบอกไว้ว่าเป็น Caliber 9F 25th Anniversary Since 1993 (เรือนนี้เป็น caliber 9F82) แล้วบอกไว้ด้วยว่าเรือนนี้เป็นเรือนที่เท่าไรใน 1,000 เรือน ด้านล่างบอกข้อมูลการกันน้ำ 20 bar / made in Japan แต่เสียดายที่ไม่ยอมบอกว่า Stainless steel รหัสอะไร จะได้เทียบเคียงความทนทานต่อการเป็นรอยขูดขีดได้

ว่ากันเรื่องสาย SBGV247 มีสายแถมมาให้สองแบบครับ แบบแรกคือสายผ้าสีน้ำเงินตะเข็บส้ม รองด้วยหนังวัวสีขาวทำให้สดชื่นไม่จมเหมือนใช้สีเข้มหรือสีดำ สายนี้สวยมาก ๆ และเข้ากับหน้าปัดและเข็มวินาทีได้ดีมาก ๆ ครับ ผมใส่ติดนาฬิกาไว้ตลอดแต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่นิดหน่อยตรงที่ถ้าคนข้อมือเล็กใส่ บานพับมันจะไปดันสายทำให้สายไม่โค้งเป็นวงไปตามธรรมชาติครับ ส่วนอีกสายหนึ่งจะเป็นสายยางหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่พอสมควร เป็นบั้ง ๆ (ไม่แน่ใจว่าอาจใช้ดีไซน์คลาสสิกแบบของเดิมอะไรหรือไม่ ผมไม่ทราบนะครับ แต่ผมไม่ชอบฮ่ะ ๆ)

เรือนนี้คงเก็บไว้ใส่ในบางโอกาส ไม่อยากใส่บ่อย ๆ ถ้าเกิดเป็นรอยไปมันเสียดายงานฝีมือช่าง แล้วเป็นควอตซ์ด้วยปล่อยทิ้งขว้างได้ไม่ต้องมาขึ้นลานวุ่นวาย สุดท้ายพอเริ่มมีนาฬิกาหลายเรือน เราก็เริ่มไม่สนใจสเป็คอะไรมากมายแล้วครับ ดูคาแรกเตอร์จุดเด่นของแต่ละยี่ห้อแล้วแค่มองหน้ากัน ถ้านาฬิกามันเรียกเราก็เอากลับบ้าน ไปดม ไปชื่นชม น่าจะเติบโตไปอีกขั้นนึงแล้วครับ ฮ่ะ ๆ ๆ สวัสดี






Comments


bottom of page