“ผมไม่คิดว่าผมจะเล่นนาฬิกานะ”
กราบขออภัยอีกรอบ เพราะ 10 ปีมันผ่านไปไวเหลือเชื่อจริง ๆ ครับ นาฬิกาเรือนล่าสุดมาอีกแล้ว เซียนนาฬิกาว่ากันมายังไงเป็นไปตามนั้นเลยครับ คราวนี้เล่นใหญ่ไปกับ Patek Philippe Calatrava 5120G เอาจริง ๆ ว่าผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับมันมากในเชิงเทคนิคหรอกครับ อาศัยว่าได้รับการแบ่งปันมา จะว่าไปซีรี่ส์ Calatrava นี้ออกมาตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ด้วยรูปร่างหน้าตาที่แทบจะเหมือนปัจจุบันกับรุ่น 96 แต่หน้าตาแบบรุ่น 5120G นี้น่าจะมาราว ค.ศ.1973 จากรุ่น 3520 ซึ่งปัจจุบันต่อดีเอ็นเอมาเป็นรุ่น 5116 และ 5119 (แหม่ แต่จริง ๆ ถ้าจะเล็ง DNA จากเลขท้าย 5120 นี่ตรงเป๊ะ) เอกลักษณ์ของเรือนเวลาหน้าตาแบบนี้คือขอบเป็น Hobnail ครับ ซึ่งช่วยกันการมองเห็นริ้วรอยจากการใช้งานได้ดีทีเดียว
ความน่ารักของดีไซน์ตัวนี้คือ มันดูเป็น Bauhaus มาก ๆ เรือนกลม ต่อขา เรียบร้อย ลงตัว พอนำมาใส่แล้วมานั่งดูถอนหายใจ ก็เกิดตรัสรู้อะไรบางอย่างว่า เออ นี่แหละ นาฬิกามันต้องการแค่นี้แหละ บอกชั่วโมง บอกนาทีก็พอแล้ว เลขโรมันหลายคนชอบหลายคนเฉย ๆ แต่ผมว่ามันเข้ากันดี ยิ่งอยู่บนหน้าปัด Porcelain สีขาวสะอาด จัดวางขนาดอักษรเว้นช่องไฟสัดส่วนดี ๆ ลงตัว แล้วจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกครับ จับเวลงเวลาไม่มี วันที่ไม่มี๊ GMT ไม่ต้องพูดถึง พรายน้ำยังไม่มีเลยครับ 555 สายหนังจระเข้ก็ใช้เข็มขัดธรรมดา เรียบง่ายจริง แต่นาฬิกาแนวนี้ขายความเนี๊ยบและงานฝีมือครับ
ผมชอบเลขโรมันของรุ่นนี้คือการอ่านมันหมุนไปตามออเดอร์ของวงกลมครับ มันเรียบร้อยสมบูรณ์ ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบรุ่นที่กลับหัวตัวเลขให้คนอ่านได้ง่ายขึ้นครับ หน้าปัดโดยรวมมันดูประหลาด
5120G เปิดตัวเมื่อ ค.ศ.2001 ตัวเรือนเป็น white gold 18K ครับ (ดูได้จากตัว G) หน้าปัดขนาด 35mm ผมว่ากำลังดีสำหรับ Dress watch ครับ เดี๋ยวนี้นาฬิกาชอบทำหน้าปัดใหญ่ ๆ (Patek เองก็ด้วย) ซึ่งผมว่ามันใส่ให้สวยได้ยาก กระจกแซฟไฟร์หน้าหลัง ด้านหลังเปิดโชว์เครื่อง (หลัง ๆ มาผมชอบนาฬิกาที่โชว์เครื่องมากเพราะมันสวยดีครับ ดูเพลิน ๆ)
เครื่องเคราของรุ่นนี้คือ Calibre 240 ซึ่งเป็นเครื่องที่ผลิตมาตั้งแต่ ค.ศ.1977 และยังใช้เครื่องเดิมมาตลอดกว่า 40 ปี เครื่องนี้เป็นระบบขึ้นลานอัตโนมัติด้วย Micro rotor คือการใช้ตุ้มน้ำหนักที่เหวี่ยงเพื่อขึ้นลานตามการเคลื่อนไหวขนาดเล็ก ซึ่งสามารถทำให้ซ้อนอยู่ในระนาบเดียวกับตัวเครื่องได้ ทำให้เครื่องของนาฬิากาบางลงได้มาก ซึ่งตุ้มน้ำหนักขนาดเล็กนี้ จำเป็นต้องมีน้ำหนักมากเพื่อการเหวี่ยงขึ้นลานที่มีประสิทธิภาพ Calibre 240 จึงมีตัว Rotor ทำจากทองคำ 22K ครับ เครื่องนี้ใช้มานานจริง ๆ และมันก็ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกาลเวลามาครับ โดยเฉพาะในปัจจุบันมีนาฬิกา Patek Philippe รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้เครื่อง base มาจาก 240 หลายต่อหลายรุ่นเลยครับ
การสวมใส่
ใส่ไปทำงานทำการว่าเรือนเซรามิกคราวที่แล้วเบากว่าเหล็กมากแล้ว มาเจอแนว dress watch บางเบานี่ แทบจะลืมไปเลยว่าใส่นาฬิกาอยู่ครับ แนบข้อมือดี ใส่กับเสื้อแขนยาวไม่ประสบปัญหานาฬิกาหนาเกินแขนเสื้อแน่นอน
แถมตบท้ายว่ารุ่นนี้ไม่ค่อยได้พบเห็นในไทยนะครับ ลองเสิร์ชหาตามกระดานขายนาฬิกาก็ไม่ค่อยเห็นครับ ซึ่งดี ผมชอบของไม่โหลครับ อย่างไรก็ตามรุ่นนี้ถึงไม่ค่อยเห็นในไทยแต่มีของปลอมในตลาดเหมือนกันนะครับ ขนาดด้านหลังเปิดโชว์เครื่องกันแบบนี้ มันปลอมยันเครื่องเลยครับ ลองไปส่องกันดูดี ๆ ก็สนุก เพราะยังไงมันก็ไม่เหมือน 100% ครับ ตำแหน่งสกรูมันยังโดนบังคับโดยเครื่องเดิม ๆ ของมันครับ ใครเอาชัวร์ก็ไปหาผู้เชี่ยวชาญตรวจเอาละกันครับ
สรุปว่าก็ชอบแหละครับ มีแล้วก็อยากใส่ บาง เบา เรียบร้อย ดูดี ถ้าจะมีคนทักก็ต้องเป็นคนที่รู้จักนาฬิกาจริง ๆ ไม่ใช่แค่คนที่เก็บรุ่นยอดฮิตเก็งกำไรครับ อารมณ์เดียวกับห้อยกล้อง Leica M60 ถ้าคนทักแปลว่าคอเดียวกันจริง และต้องกราบขออภัย คราวหน้าสัญญาจะกลับมาเป็นเรื่องกล้องยาว ๆ ละครับ ของพวกนี้เขียนไว้กันลืม นะครับ นะครับ ^_^ ตบท้ายว่าทุกภาพโคลสอัพในรีวิวนี้ถ่ายด้วย Sigma fp + Sigma 100/2.8 macro ตามนี้ครับ https://paronya.wixsite.com/paronya/single-post/2020/06/03/Sigma-70mm-f28-DG-Macro-ART