top of page

Leica T

Updated: Aug 24, 2023

"ของเก่าเราอย่าลืม"

วันนี้ขอเขียนมินิรีวิวกล้องเก่าตกรุ่นไปสองรุ่นอย่าง Leica T (typ 701) กันสักหน่อยครับ เพราะว่าตอนนี้ราคามือสองลดลงมาเป็นอย่างมาก เรียกว่าใครอยากเล่นก็หามาเล่นได้ไม่ลำบากกระเป๋าตังค์ ใครอยากสัมผัสไลก้า เชิญเลยครับตอนนี้ถูกมาก ในขณะที่รุ่น TL มีการปรับปรุงเพิ่มไม่มากนัก เพิ่งจะมาปรับปรุงเยอะในรุ่น TL2 ที่เพิ่งออกมานี่แหละครับ (TL2 ออกหลังจาก TL เพียงปีเดียว) เผื่อว่าใครสนใจลองใช้ลองเล่นไลก้าก็จะได้มีอีกตัวเลือกหนึ่งในการเริ่มต้นครับ

กล้อง Leica T เปิดตัวเมื่อปี 2014 ผมว่ามันเป็นกล้องรุ่นที่ไลก้ากล้าเสี่ยงและลงทุนกับมันไปพอสมควรทีเดียวถึงแม้ว่าออกวางจำหน่ายแล้วกระแสตอบรับของตลาดไม่ตื่นตัวเท่า M หรือ SL ที่ออกมาภายหลังเท่าใดนักก็ตาม แต่ก็ยังมีการพัฒนารุ่นใหม่ ๆ ออกมาในบอดี้แบบเดิมอีกถึง 2 รุ่น (นับถึงปัจจุบัน) ได้แก่ Leica TL และ Leica TL2 กล้องรุ่นนี้ไลก้าให้ Audi Design ครับ ผลิตจาก “ก้อน” อลูมิเนียมหนัก 1.2 กิโลกรัม เอามาเจาะมาเจียรให้เป็นกล้อง เป็นบอดี้แบบไร้รอยต่อเหมือน Unibody ของ Macbook ครับ หลังจากนั้นก็นำมาทำผิวโดยการขัดด้วยแรงงานคน (เรียกว่าเป็น Handcraft ได้เลยนะ) ใช้เวลา 45 นาทีต่อหนึ่งตัว นับว่าเสียเวลาการผลิตเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากตัวบอดี้แล้วไลก้ายังได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ (ในสมัยนั้น) ลงไปในกล้องตัวนี้อีกหลายอย่าง ได้แก่ จอระบบสัมผัสแบบเต็มรูปแบบ ตัวกล้องไม่มีปุ่มอื่นเลย นอกเหนือจากชัตเตอร์ ปุ่มอัดวิดีโอ และลูกกลิ้ง 2 อัน ที่เหลือใช้ระบบ Touch screen ล้วน ๆ (ตอนนี้ก็ยังรู้สึกล้ำดี เหมือนโทรศัพท์มือถือเลยครับ) ต่อ EVF ได้แบบสวยงามไม่ต้องมีช่องเสียบให้เทอะทะแบบพวก X2 หรือ M (typ240) อีกต่อไป เพราะตัว pin จะซ่อนอยู่ใน Hotshoe เลย ซึ่ง EVF ตัวนี้มี build-in GPS ในตัว และสามารถใช้ร่วมกับ Leica M10 ได้ด้วยครับ แบตเตอรี่ก็มาแบบกดกระเด้งออกจากตัวกล้องเลย ไม่มีฝาปิดช่องใส่แบตฯเหมือนกล้องทั่ว ๆ ไป สายคล้องคอก็เป็นนวัตกรรมอีกแบบหนึ่งที่ใช้ Easy click system เวลาถอดสายออกก็ใช้เข็มจิ้มเอาอย่างกับซิมไอโฟน พร้อมด้วยลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ (สำหรับไลก้า) อีกมาก เช่น มี Wifi ทำงานร่วมกับแอพแล้ว ซิงค์กับมือถือได้ ค่ายอื่นอาจเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ค่ายนี้มันเพิ่งมี (ณ ปี 2014)

Leica T + Mamiya sekor 1.4/55

กล้องตัวนี้ผมว่าจะเอาหาเอามาใช้แทน Fijifilm X-pro1 ที่เพิ่งลาโลกไป ก็เลยมารีวิวให้อ่านกันซะเลย ฟูจิมันจะตายไปหลายทีแล้วก็ซ่อมมันกลับมาทุกที คราวนี้คงปล่อยมันไปจริง ๆ ซะทีละ โจทย์คืออยากได้กล้อง Mirrorless ที่ใส่กับเลนส์ตัวโปรด M42 mount ได้ (Mamiya sekor 55/1.4 ตัวโปรดตลอดกาล ยังไม่มีใครล้มแชมป์ได้) จริง ๆ อยากได้กล้องฟูลเฟรม แต่ Leica SL ก็แพงมากเกินไป (ห้ามบิวท์ ห้ามเชียร์ ห้ามป้ายยา) และผมก็ไม่ชอบโทนสีของพวก Sony A7 เลยมาเล็งตัวนี้ประหยัดดี ได้โทนสีที่ถูกใจครับ ผมว่าคนเล่นไลก้าส่วนมากก็จะไป M กันหมดแหละครับ แล้วยิ่งพอ SL ออกมาคนก็ขาย T กันเยอะ มือสองสภาพดี ๆ หาได้ไม่ยากนัก แต่เป็นที่น่าแปลกอยู่ว่าหาอ่านรีวิว Leica T ภาษาไทยไม่ค่อยได้เลย ก็เลยงง ๆ ว่าตกลงมันขายไม่ออกขนาดนั้นเลยใช่มั้ย 555

ว่ากันเรื่องโทนสีอันนี้พูดได้เต็มปาก ไม่ต้องลองมากก็บอกได้แล้ว เพราะกล้องในยุคราว ๆ นี้อย่าง Leica X2 ที่เคยใช้มา (รีวิวคลิ๊กที่นี่) และ T มันให้โทนสีไฟล์ JPG ใกล้เคียงกัน หลายคนอาจไม่ชอบ แต่ไปชอบไฟล์ RAW มันมากกว่าอันนี้ก็นานาจิตตังครับ ผมชื่นชอบไฟล์ JPG ของกล้องนี้เป็นพิเศษเพราะว่าสีของมันไม่สดเหมือนกล้องยี่ห้ออื่น ๆ บางคนอาจบอกว่าซีดด้วยซ้ำไป ข้อดีคือมันมีความใกล้เคียงกับสีที่ตาเห็นมาก ถ้าแสงดี ๆ สีก็มาเยอะ แสงน้อยสีจะหม่นลงไปมีเทาเข้ามาปน ไม่รู้มัน Process ยังไงเจ๋งดี แต่ทำให้ถ่ายรูปยากชะมัด เพราะภาพมันจะไม่เตะตาแบบภาพสวยงามตามท้องตลาดทั่วไป อย่างไรก็ตามไฟล์ภาพจากกล้องตัวนี้อย่าไปหวังเชิงเทคนิคมากนะครับผมว่ามันอยู่ระดับเดียวกับพวก X2 ซึ่งความเนียนของเนื้อภาพ คุณภาพไฟล์มันสู้ Mirrorless ยี่ห้ออื่น ๆ ไม่ได้ อันนี้บอกกันตามตรง ถ้าใครซีเรียสก็ไปโน่น Q SL M อะไรก็ว่ากันไปครับแต่ต้องกำเงินไปเยอะ ๆ หน่อย

ผมเอาภาพจากไฟล์ JPG และไฟล์ที่แปลงจาก RAW ของ Leica T มาเทียบสีกันให้ดูนะครับ จะได้เห็นภาพชัด ๆ

การจับถือ ผิวสัมผัสและวัสดุไม่มีที่ติ รู้สึกได้ถึงความตั้งใจ และความเป็นเนื้อแท้ของวัสดุ หนัก แน่น แข็งแรง จะมีนิดนึงก็คือว่ากล้องมันเล็กจับแล้วนิ้วก้อยจะหลุดออกจากกริ๊ป ซึ่งนิ้วจะไปถูกับขอบกล้องที่คม ๆ ใช้นาน ๆ มันเจ็บ (รุ่น TL และ TL2 แก้ไขลบมุมบอดี้มาเรียบร้อยแล้ว) การใช้งานราบรื่นดี ไม่หน่วง ไม่ช้าเหมือนพวก X1 X2 ระบบโฟกัสไม่ได้ลองเพราะเอามาใช้กับมือหมุนอย่างเดียวครับ กล้องตัวนี้ใช้เลนส์เม้าท์ T (เหมือน SL) ซึ่งถ้าใครจะใช้เลนส์ M ก็ต้องไปหาอแดปเตอร์มาต่อเอานะครับ แต่ถ้าจะใช้เลนส์ของ SL ก็ต่อได้เลยครับ ทำงานเต็มระบบ ออโต้โฟกัสได้หมดทุกสิ่งอย่าง แต่เลนส์มันจะยักษ์ใหญ่จนแทบจะมองไม่เห็นกล้องทีเดียว 555 (Leica T เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นกล้องสำรองสำหรับผู้ใช้ SL) อีกอย่างที่น่าเป็นห่วงคือสายคล้องคอครับ มันเป็นซิลิโคน ใครเก็บนอนตู้ไว้นาน ๆ ระวังจะเหนียวเหนอะหนะได้ เคสพลาสติกหุ้มกล้องโยนทิ้งไปได้เลยครับ ใส่ยาก ถอดยาก ปิดช่องแบตช่อง SD การ์ดหมด ต้องแกะกันวุ่นวาย ใช้มันโล่ง ๆ โล้น ๆ นี่แหละ ให้สมกับสัจจะของวัสดุที่เขาบรรจงทำกันมา

BW High Contrast / Leica T + Summaron 3.5/35

Leica T นับว่าเป็นตัวแทนของแนวทางกล้องไลก้าสมัยใหม่ที่ฉีกออกไปจาก Leica M อันเป็นกล้องที่ยังคงต้องจับตลาดคลาสสิกต่อไปจนยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มาก ซึ่ง Leica T ก็ทำได้ดีครับ เพียงแต่ในบ้านเราคนอาจไม่ค่อยนิยมใช้เพราะตอนออกมาราคามันสูงมากเมื่อเทียบกับกล้องค่ายอื่นในสเป็คเดียวกัน (แต่ตอนนี้ราคามือสองถูกมาก โอกาสของท่านมาถึงแล้ว) ภายหลังไลก้าเปิดตัว SL ภายใต้คอนเซ็ปและหน้าตาคล้าย T แต่เป็นฟูลเฟรมและมี EVF ในตัว ผมจำได้ว่าแรก ๆ คนด่ากันเยอะแยะว่าทำหน้าหนาเหมือนโซนี่มั่ง ไม่สวยมั่ง แต่สุดท้ายด่า ๆ กันแล้วก็ซื้อกันมั้ย 55 เอาจริง ๆ คือ Leica SL กลายเป็นกล้องรุ่นหนึ่งของไลก้าที่ขายดีมาก ๆ เพราะความยืดหยุ่นในการใช้งานที่มากกว่า M และคุณภาพของมันก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย ฟีลลิ่งก็ดีมาก (นึกถึงกล้องที่เจ้าของกดชัตเตอร์แล้วหลับตายิ้มด้วยความสุข มันเป็นแบบนั้นเลยครับ) ถ้าวันหลังมีโอกาสคงได้มารีวิวลองเล่นให้อ่านกันครับ (หาคนยืมแป๊บ 555)

Leica T + Mamiya sekor 1.4/55

มารีวิวตัวนี้ช้าไป 3 ปี คอไลก้าคงเมิน ผ่านไปได้เลยครับ แต่ใครกำลังสนใจ ผมว่ามันคุ้มดีนะ หลายคนมักถามผมว่าเวลาเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพจะเลือกกล้องรุ่นอะไรดี ซึ่งผมก็ตอบยากมาก เพราะสำหรับผมฟังก์ชันต่าง ๆ พวกถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วเท่าไร โฟกัสเร็วเท่าไร ระบบกันสั่น โปรแกรมออโต้ scene ฉลาดยังไง พวกนี้ไม่เคยสนใจเลยครับ ไม่เคยใช้ (สาวกกล้องหลายคนก็คงด่าว่าโง่ในใจ ก็กล้องมันทำได้ทำไมไม่ใช้) ก็ตอบง่าย ๆ ว่าไม่อยากใช้ก็แค่นั้นแหละครับ สำหรับผมการเลือกกล้องอันดับแรกคือดูภาพที่ได้มาจากกล้องนั้นครับ โทนสี คอนทราส ไมโครคอนทราส เอกลักษณ์ของภาพ มิติ ผมว่าพวกนี้มาก่อน มือใหม่ ๆ พยายามดูภาพเยอะ ๆ นิดนึง (ภาพที่ไปขอร้านลองถ่ายมาเองจะดีที่สุด ดูในเน็ตภาพแต่งกันมามากน้อยแค่ไหนเราไม่รู้) สังเกตเยอะ ๆ นิดนึงครับ แล้วจะได้กล้องที่ถูกใจ ส่วนมากเราดูลักษณะของภาพเราจะเลือกยี่ห้อได้ ที่เหลือรุ่นไหนก็ไม่ยากแล้วครับ ผมดูการจับถือ ฟิลลิ่งในการใช้งานเป็นหลัก ถ้าชอบ ถูกใจ ใช้แล้วมั่นใจมีความสุขกับมันก็เอาอันนั้นแหละ พอแล้ว ผมเป็นพวกขี้เกียจถ่ายเยอะ ๆ แล้วมาเลือก มันปวดตา 555

bottom of page