"เลนส์สามัญประจำบ้าน"
ช่วงสัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสได้ลองเล่นหนึ่งในเลนส์ที่ได้ยินคนพูดถึงกันมากตัวหนึ่ง โดยเฉพาะในหมวดเลนส์เก่าคุณภาพดีคุ้มค่าราคาประหยัด (แต่ก็แพงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก จนบางคนเริ่มรู้สึกไม่คุ้ม) เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้ยินชื่อ Summicron 2/50 Rigid ผ่านหูมาบ้างเป็นแน่ วันนี้จะมาลองเล่นดูกันครับ ว่ามันมีดีอะไร และมีข้อจำกัดอะไร
Leica Summicron 2/50 Version 2 หรือเรียกติดปากกันว่า Rigid เพราะ V.1 ก่อนหน้านี้ (Summitar/Summicron 2/50 Collapsible ชื่อ Summitar ใช้ในการทดลองผลิตช่วงแรก ปี 1950 แค่ประมาณ 100 ตัวเท่านั้น (Erwin Puts, 2012)) เป็นเลนส์แบบยืดหดได้ (Collapsible lens) เวลาจะใช้ก็ดึงออกมาเวลาเก็บก็ดันเข้าไปว่างั้นเถอะ เดาว่าที่ Version 2 ถูกเรียกว่า Rigid ก็เพราะมันออกแบบมาไม่ให้มีการยืดได้หดได้แล้วนั่นเอง เลนส์รุ่นนี้ทำออกมาทั้งเม้าท์ L39 และ M mount ขายไปราว ๆ 135,000 ตัว (Erwin Puts, 2012) สเกลบนเลนส์มีบอกทั้งเป็นฟุตและเป็นเมตรแล้วแต่ล๊อตที่ผลิต (ไม่ได้มีสองหน่วยในตัวเดียว) เลนส์รุ่นนี้นอกเหนือจากมีการผลิตเม้าท์ที่หลากหลายแล้ว ยังมีการผลิตเป็นรุ่น Dual Range (DR) ที่มีความสามารถถ่ายระยะใกล้ และมี Goggle มาให้ใส่ด้วย
ต้องขอบคุณ น้ำ (nam sukonthabut) ที่เอื้อเฟื้อให้เลนส์มาทดลองถ่าย ทดลองใช้
ระหว่างรอไปประกบกับ Leica M4 ตัวเก่ง ที่กำลังส่งไปยกเครื่อง
ผลิตอยู่ในช่วงปี (1956 - 1968) (วางขาย 1957)
ส่วนมากผลิตสีเงินครับ (ใครมีสีอื่น ๆ กอดไว้ครับ ผลิตน้อย หายาก)
เลนส์ 7 ชิ้น 6 กลุ่ม (4 ชิ้นเป็น Lanthanum LaK9 นะคร้าบ) แต่บางกระแสก็ยังบอกว่า LaK9 ไม่ได้มีทุกตัว มีเป็นบางตัว เอ้า! งงกันใหญ่ทีนี้เอาเป็นว่าอ้างอิงตาม (Erwin Puts, 2012) ไปก่อนนะครับ มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะมาอัพเดทอีกที
ฟิลเตอร์ E39
น้ำหนัก 285g
Rigid ตัวเลนส์ก็ Rigid สมชื่อครับ หนักแน่นแข็งแรง แต่ตัวที่ผมได้มาทดสอบนั้นอาจมีความรู้สึกกึ๊กกั๊กคลอนบ้างเล็กน้อย และแหวนโฟกัสค่อนข้างหนักมากกว่าปกติ ทำให้เวลาถ่ายมันยากไปนิดนึง แต่เรื่องคุณภาพของภาพกลับไม่น่าเชื่อว่าเลนส์ที่ออกแบบและผลิตไว้เมื่อ 60 ปีที่แล้วจะมีคุณภาพที่สูงลิ่วจนน่าทึ่งอยู่ในปัจจุบัน Rigid เป็นเลนส์ที่ให้กำลังแยกขยายดีมาก ๆ ขนาดนำมาใช้กับเซนเซอร์ขนาด Full Frame ของกล้องดิจิทัลแล้วก็ยังให้ความคมชัดที่น่าพอใจ สมราคาคุยของไลก้าที่ว่า ไม่จำเป็นต้องทำเลนส์ใหม่ ๆ มารองรับกล้องดิจิทัล เพราะเลนส์เดิมมีกำลังแยกขยายเหลือเฟืออยู่แล้ว (อันนี้จำได้ว่าอ่านเจอมาเมื่อสักราว ๆ 10 ปีก่อน แต่จำไม่ได้ว่าอ่านมาจากที่ไหน) เรื่องความคมนั้นจัดว่าหายห่วงครับ คมกลางภาพ ถึงขอบภาพก็นับว่ายังใช้ได้ครับ ต่างกับตัว Summilux 1.4/35 pre-ASPH ที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ รายนั้นเปิดกว้าง ๆ ขอบภาพไปไม่ค่อยไหว แต่สำหรับ Rigid สบายมาก คนที่ถ่ายภาพสมัยใหม่มาเล่นก็ยังไม่ขัดข้องหัวใจ จัดองค์ประกอบภาพไปได้แบบไม่ต้องระมัดระวังมากนัก
Summicron 2/50 Rigid f2 ขยับ Subject ไปขอบ ๆ ภาพ ถือว่ายังทำได้ดี
Summicron 2/50 Rigid f2 ขยับ Subject ไปขอบ ๆ ภาพ ถือว่ายังทำได้ดี
เรื่องคอนทราสมีมากกว่า V.1 แน่นอน แต่ก็ยังถือว่าเป็นเลนส์ที่คอนทราสต่ำครับ โดยเฉพาะที่ Wide open f2 คอนทราสจะต่ำกว่า f อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ยืนยันว่ายังคมนะครับ
Summicron 2/50 Rigid f2
Summicron 2/50 Rigid f2
Summicron 2/50 Rigid f2
จากภาพถ่ายไล่มาตั้งแต่ f2 f2.8 f4 f5.6 f8 f11 f16 ตามภาพเลยครับ ลองดูความเปลี่ยนไปของคอนทราสซึ่งโดยรวมแล้วคอนทราสไม่สูง ได้อารมณ์อีกแบบครับ ไม่เหมือนเลนส์ใหม่ ๆ ส่วนเรื่องของขอบภาพ ถือว่าพอใช้ได้ที่ f กว้าง ๆ และจะมาคมชัดประมาณ f8 ครับ แต่ภาพทั้งหมดจะไม่ได้คมเปรี๊ยะ ขึ้นขอบแบบเลนส์ใหม่ ๆ นะครับ แค่เห็นว่า เออ มันชัดละ
อย่างไรก็ตามถ้าเมื่อไรเปิดรูรับแสงกว้างสุดแล้วถ่ายย้อนแสง ป้าบ เป็นเรื่องแน่นอนครับ ภาพเสียเลย เหมือนแฟลร์ทั้งภาพ คอนทราสหายหมดครับ เพราะฉะนั้นใครจะเล่นตัวนี้คิดเรื่องแสงเวลาถ่ายภาพกันดี ๆ นิดนึงนะครับ
Summicron 2/50 Rigid f2 แพ้แสงย้อนตรง ๆ คอนทราสหาย ภาพเจ๊งได้ไม่ยาก
แต่บางครั้งแสงที่ฟุ้งเข้ามาก็ให้อารมณ์ของภาพได้ดีเช่นกัน คุณลักษณะแสงแบบภาพด้านล่างนี้ยังหาได้จากเลนส์ไลก้ารุ่นใหม่ ๆ อยู่ครับ เท่าที่เคยใช้ Summarit 2.5/35 และ Summilux 1.4/35 ASPH. FLE ยังให้ได้ เหมือนไอแดด
Summicron 2/50 Rigid f2
ความคลาดสี หรือ Chromatic Aberration (CA) ผมว่าเลนส์ตัวนี้อยู่ในสภาพที่ยอมรับได้ เลนส์ทำมาปี 1956 เอามาถ่ายในปี 2016 ก็ยังยอมรับได้นะครับ ผมชื่นชมเลนส์เก่าดี ๆ ตรงนี้มาก หลังจากได้เล่น 35 FLE แล้วเหมือนเรื่อง Optic จะทิ้งตรงนี้ไปเลย CA ที่ Wide open เยอะมากครับ หรืออย่างกล้อง Nikon ก็เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่ผมใช้ มีเลนส์ใหม่ ๆ หลายตัวที่ CA เยอะเช่นกันครับ ถึงแม้ว่าจะแก้ไขได้ใน Software โดยง่าย แต่ถ้าทำไม่ให้มันเกิดให้ได้สิ ถึงจะดีจริง แก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุครับ ไม่เอาแบบมาแก้ปลายเหตุแล้วเอาความง่ายของการแก้ปัญหามาขายของ
Summicron 2/50 Rigid f2 CA มีบ้าง แต่ในสถานการณ์ปกติจะไม่เห็นเลย
Bokeh มีมาพองาม ต้องถ่ายใกล้ ๆ หน่อยถึงจะละลายได้เยอะ และเห็นวงชัด ๆ ลักษณะ Bokeh ขึ้น Highlight ที่ขอบและจุดตรงกลางวง และด้วยเลนส์ชิ้นหน้าที่ขนาดไม่ใหญ่ ทำให้ Bokeh รอบ ๆ ถูกบีบรูปทรง วน ๆ เล็กน้อย
Summicron 2/50 Rigid f2
Summicron 2/50 Rigid f2
สีสันผมว่าเพี้ยน ๆ จากความเป็นจริงนิด ๆ หน่อย ๆ ขึ้นอยู่กับสภาพแสง แต่ภาพที่ได้จากเลนส์ตัวนี้โดยรวมน่าประทับใจอยู่นะครับ ภาพมันดูมีเนื้อ มีเรื่องราว มีความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ (จะบรรยายอะไรนามธรรมขนาดนั้น) เอาแบบซีเรียสคือ ถ่ายภาพแนวไลฟ์แนวสตรีทผมว่าดี มันเป็นภาพที่ให้ "ชีวิต" จริง ๆ ไม่ใช่ภาพเน้นดราม่า คอนทราสหนัก ๆ Clarity หนัก ๆ จนชวนหดหู่ ชาวไลฟ์ชีวิตเข็ญใจกันตลอดเวลาตามแบบสมัยนิยม (ซึ่งผมไม่ชอบเลย) จริง ๆ เรื่องคาแรกเตอร์ภาพต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่คอ 50 mm ครับ ไม่ว่ายี่ห้ออะไรก็ตาม แต่นาน ๆ มาจับทีมันก็ให้ทัศนมิติแน่นกว่า 35mm ดีเหมือนกัน เจ้าของเลนส์แจ้งมาว่าเจ้า Rigid นี่ คาแรกเตอร์ของ "แต่ละตัว" มันต่างกันได้อยู่ อันนี้ผมไม่คอนเฟิร์มนะครับ เพราะเพิ่งเคยเล่นนาน ๆ ก็เจ้าตัวนี้เป็นตัวแรกในชีวิตเลยครับ
สรุป : ซื้อมั้ย เจอสภาพดี ๆ ก็ซื้อเลยครับ 55555 เชียร์อีกแล้ว จริง ๆ ตัวนี้เหมาะมากกับผู้เริ่มต้นที่ยังไม่อยากลงงบประมาณมาก และชื่นชอบเลนส์เก่า (ถ้าใครชอบเลนส์ใหม่ ๆ หน่อย ผมไล่ไป Summarit 2.5/35 หมด 555 (ตัวนี้พิเศษจริง ไว้ต้องมาเล่า)) แต่สำหรับพี่ ๆ เก๋า ๆ แล้วคงไม่แคล้วไปหา Black Paint มานอนกอดแน่นอนเลยสินะครับ เรื่องของช่วง 50mm มันยังมีอีกเยอะครับ ออกมาหลายรุ่น หลายคาแรกเตอร์ ผมไม่ค่อยได้ลองเหมือนกัน
เลนส์ยี่ห้อนี้มันมีอะไรนิดอะไรหน่อยต่าง ๆ กันไปทุกรุ่นเลยครับ ยิ่งเล่นยิ่งสนุก ถ้ายังไม่อยากตกแต่งกับใครก็คบ ๆ เลิก ๆ กันไปก่อน ศึกษากันดูลองอยู่กินกันดูให้คุ้นเคยรู้มุมรู้ข้อจำกัดกันครับ แล้วค่อยเลือก หรือถ้าใครเงินถุงเงินถังเลี้ยงไหวดูแลไหวก็เหมามาเลยครับ แต่ละรุ่นมันไม่เหมือนกันจริง ๆ ยิ่งเลนส์เก่า เวลาถ่ายภาพแต่ละทีมันเหมือนได้มองประวัติศาสตร์ ได้มองเห็นวิทยาการสมัย 60 ปีที่แล้ว ได้เห็นข้อจำกัด ได้เห็นความคิดของช่างภาพและมุมมองสมัยเก่าก่อน ภาพที่ได้สวยไม่สวยไม่รู้ แต่มันฟินอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ