top of page

Leica Summilux 1.4/35 pre-ASPH. titanium

Updated: Aug 24, 2023

"ครบทุกรสชาติในตัวเดียว"

ตัวนี้ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วครับ เคยอยู่กินกันมารู้ไส้รู้พุงกันมาครับ เลนส์นี้เป็นเลนส์ที่แนะนำสำหรับใครที่อยาก "สัมผัส" ความเป็นไลก้า 35mm ครับ เลนส์ตัวนี้หลาย ๆ คนเรียกมันว่า 35 Summilux Classic เพราะว่าเลนส์ตัวนี้มีระยะเวลาวางขายที่ยาวนานเหลือเชื่อกว่า 30 ปี (จะไม่เรียกว่าคลาสสิกได้อย่างไร)

เลนส์รุ่นนี้เรียกว่าเป็น V2 ที่ออกวางจำหน่ายต่อจากตัวพ่อ Steel Rim ครับ เพราะวัสดุที่ใช้ทำ Steel Rim มันหายากเหลือหลาย ไลก้าจึงต้องปรับแผนการใช้วัสดุทำชิ้นเลนส์และออกวางจำหน่ายเป็น V2 อย่างที่เห็นครับ โดยช่วงแรกยังคง made in Canada อยู่ จนล๊อตหลัง ๆ ราวปี 1990s แล้วจึงย้ายมาเป็น made in Germany อย่างตัวที่ผมมีอยู่นี้เป็น Titanium Version made in Germany ครับ เป็นล๊อตหลัง ๆ แล้ว ซึ่งหลายคนบอกว่าการ Coating มันดีขึ้น สามารถถ่ายภาพย้อนแสงได้ดีขึ้น อันนี้ผมไม่ทราบได้เหมือนกันครับเพราะไม่เคยเทียบกับรุ่นแรก ๆ ตัว Titanium Version นี้ ราคาแพงโดดกว่ารุ่นปกติมากครับ (เกือบสองเท่า) ด้วยความที่ผลิตมาน้อย เป็นรุ่นพิเศษ (ไม่ใช่ Limited นะครับ) แค่ทำมาให้เข้ากับ M6 Titanium เท่านั้นแล

ดูสเป็คกันเล็กน้อย

Leica Summilux 1.4/35 pre-ASPH (Classic) (1966(หลัง Steel Rim) - 1993

น้ำหนัก 195g คุณพระคุณเจ้า เบามากกกกก

สูตร Double gauss 7 ชิ้น 5 กลุ่ม

ฟิลเตอร์ Series VII

ตา Erwin Puts กล่าวไว้ว่ามีเวอร์ชัน Chrome ด้วย สำหรับ Leica 1913 - 1983 จำนวน 150 ตัว!

สี Titanium ดูเผิน ๆ เวลาประกบกับ M edition 60 แล้วเข้ากันดีครับ สีมันคล้ายบอดี้ใช้ได้อยู่ แต่ถ้าดูใกล้ ๆ จะเห็นว่าโทนสีมันต่างกันอยู่บ้าง ถ้าใครเป็นอาร์ตติส ๆ หน่อยอาจไม่ค่อยฟิน M60 อย่างไรเสียมันก็คงต้องคู่กับ 35 Summilux FLE ที่มากับชุดมันจึงจะครบเครื่อง ซึ่งผมไม่มีกะเค้าหรอกครับ มันแพงงงงงง ใช้ Summilux FLE ปกติดีกว่า ราคาถูกกว่ากันครึ่งนึง (หลัง ๆ เริ่มมีกระแสแล้วว่าภาพมันไม่เหมือนกัน ผมก็นึกไม่ออกว่าไลก้ามันจะมานั่ง Custom ขนาดนั้นกันเลยหรือ ก็คงปล่อยให้เป็นปริศนากันต่อไป แต่ถ้าเป็นผม ผมคงไม่ทำ 555) กลับมาว่ากันถึงเรื่องเจ้าตัว Classics Titanium กันหน่อย ตัวนี้ไม่ใช่ Titanium แท้ ๆ นะครับ อย่าเพิ่งได้ใจ มันแค่เคลือบสี Titanium แค่นั้นครับ ซึ่งเผลอ ๆ จะทำให้เกิดปัญหามากกว่าตัวปกติด้วยซ้ำไป เพราะเวลาลงสีตัวอักษร หรือสเกลต่าง ๆ มันติดทนสู้สีดำหรือสีเงินไม่ได้ อักษรพวกนี้จะลอกง่ายกว่าครับ ถ้าไม่เก็บเข้าตู้ก็ใช้ระวัง ๆ กันหน่อยละกัน ความลำบากมาก ๆ ของเลนส์ยี่ห้อนี้อีกอย่างคือ มันใช้ Filter Seires VII ครับ ซึ่งเป็นฟิลเตอร์แบบไม่มีเกลียว ใช่ครับ! มันไม่ได้ไขเข้าไปแบบปกติปัจจุบัน คือเราต้องใส่ฮูดมันก่อนครับ ซึ่งเจ้าฮูดเนี่ยมันจะแยกได้เป็นสองส่วนแล้วใส่ฟิลเตอร์ไว้ตรงกลางได้ โอ้ว แม่เจ้า ให้ตายทำไมมันยากอย่างนั้น แล้วที่มันส์มากในวงการก็คือยี่ห้อนี้แม้แต่ฮูดก็ยังแพง (นรก) ครับ ตัวฮูดของรุ่นนี้ 12504 ยังแค่เบาะ ๆ นะครับ ถ้าสภาพดี ๆ ก็ราว ๆ หนึ่งหมื่นบาท (2016) ครับ -_-" (ฮูดบางตัวพีค ๆ สามสี่หมื่นก็เคยเห็นกันมาแล้วครับ) พอเจ้า Summilux ใส่ฟิลเตอร์ ใส่ฮูดหล่อแล้ว ก็พบว่ามันไม่มีฝาปิดเลนส์ครับ 555 คนใช้กล้องรุ่นใหม่ ๆ มาใช้จะขัดใจมากแน่นอน โดยเฉพาะสายลูกยาง เป่าฝุ่นมันอยู่นั่นทั้งวันทั้งคืน แต่ผมถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลายคนที่เล่นกล้องยี่ห้อนี้ถ้าใส่ฟิลเตอร์แล้วเค้าก็ไม่ค่อยปิดฝาเลนส์กันนะครับ ก็ไม่รู้ทำไม 555

Summilux 1.4/35 pre-ASPH f1.4

ที่แนะนำให้สัมผัสเลนส์รุ่นนี้เพราะมันเป็นเลนส์เก่า ได้คาแรกเตอร์เก่า เลนส์ 7 ชิ้น 5 กลุ่ม Double gauss design คาแรกเตอร์เลนส์มันต่างกับเลนส์สมัยใหม่มาก ๆ ที่ f กว้าง ๆ ครับ โดยตัวนี้เมื่อเปิดกว้างสุด f1.4 มันได้ภาพ Leica Glow ระดับตำนาน ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้หรอกครับว่า Leica Glow มันคืออะไร ตอนแรกนึกว่าจะเป็นภาพฟุ้ง ๆ ห่วย ๆ แบบเลนส์ f กว้างสุดสมัยก่อน แต่ไม่ใช่ครับ มันมีความต่าง คือเจ้าตัว Summilux Classic เนี่ยมันฟุ้งแต่มันยังคมครับ ภาพยังคมกริ๊บ ๆ แต่แสงมันฟุ้งเรื่อเรืองออกมาจากวัตถุ เป็นคาแรกเตอร์ที่แปลกดี และที่ f1.4 นอกเหนือจากความ Glow แล้วคอนทราสมันยังต่ำมากครับ เก็บรายละเอียดส่วนมืดส่วนสว่างได้กว้างดี คอขาวดำคงชอบ ไม่เหมือนเลนส์รุ่นใหม่ ๆ (ดูได้จาก ที่เคยเปรียบเทียบ Steel Rim VS ASPH. FLE ครับ) แต่ข้อจำกัดอย่างนึงของชาวเปิดกว้างคือ เลนส์นี้ Vignette เยอะมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ครับ

Summilux 1.4/35 pre-ASPH f2

พอหรี่ลงมา f2 เฮ้ย คาแรกเตอร์เปลี่ยนครับ คอนทราสมาเลย ความคมที่กลางภาพมาเลยครับ มี Glow หลงเหลืออยู่เล็กน้อย (น้อยมาก) แต่ขอบภาพยังเบลอมากอยู่ จะถ่ายต้องวางตัวแบบไว้กลาง ๆ ภาพนิดนึง กลับไปได้อารมณ์อีกแบบแน่ะ ผมว่าถึงแม้ว่ามันอาจจะไล่สีสันได้ไม่ดีเท่าเลนส์รุ่นใหม่ ๆ แต่ผมว่าสกินโทนมันสวยครับ (เรียกว่าถ้าผิวขาวก็ต้องเป็นขาวอมชมพูล่ะ 555) ไม่ทราบว่ามีใครคิดเหมือนผมมั้ย แต่ส่วนตัวผมว่าที่ f2 มันละม้าย Summicron V4 KOB อยู่เหมือนกัน (เอาจริง ๆ สูตรเลนส์ก็คล้ายครับ แถมราคาตอนนี้ถูกกว่า KOB อีกต่างหาก) อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพูดคือ f1.4 กับ f2 ถ่ายมา การละลายหลัง ขนาดของ Bokeh เท่ากันเป๊ะเลยครับ

Summilux 1.4/35 pre-ASPH f8

เมื่อหรี่รูรับแสงไปเรื่อย ๆ จนถึงสัก f5.6 คราวนี้คมกร้าวทั่วภาพเหมือนเลนส์รุ่นใหม่ ๆ เลยครับ เรียกว่าเอาภาพที่ถ่ายเทียบกับ Summilux ASPH. FLE รุ่นล่าสุดมาวางก็แยกกันแทบไม่ออกครับ ต้องไปซูมดูตรงมุมภาพจริง ๆ ถึงจะระบุได้ หรือถ้าคนเชี่ยวชาญมาก ๆ อาจแยกได้จากการเก็บรายละเอียดส่วนสว่าง (ซึ่งก็ต่างกันน้อยมาก ๆ ) ได้ครับ ที่ f8 ยิ่งไม่ต้องห่วง ดีมากอยู่แล้วครับ ส่วนที่ f แคบ ๆ เช่น f16 จะมีเรื่อง Diffraction หรือไม่นั้นต้องขออภัยเพราะว่าไม่ได้เทส 555 ไม่เคยถ่ายถึงเบอร์นั้นครับ ไว้ไปซื้อหามาลองกันเองนะครับ

ถามว่าวินาทีซื้อดีมั้ย เช่นเคยครับ จัดไปเลยจะรออะไร เบามาก คอมแพ็คมาก ตัวเลนส์เองมันก็มีดีที่หลากหลายคาแรกเตอร์นะครับ f1.4 ก็อย่างนึง f2 ก็อย่างนึง แถม f แคบ ๆ ชนกับเลนส์รุ่นใหม่ ๆ ได้สบาย ๆ ชนิดแยกกันไม่ออก ถ่ายเก่าก็ได้ใหม่ก็ได้ Glow ก็ได้ ป๊อบก็ยังมีมา ต้องใช้คำว่า "โคตร" คุ้มครับ เพราะสนนราคาค่าตัวมือสองตอนนี้เมื่อเทียบกับ 35 Summilux ตัวอื่น ๆ ต้องบอกว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมถูก ซื้อได้ ซื้อเลย ยังไม่มีกล้องไลก้าก็ซื้อมากอดไว้ก่อน ใส่ Mirrorless เล่นไปก่อน รอผงาดในวันข้างหน้าก็ไม่น้อยหน้าใครครับ ใครจะเดบิวเข้าวงการอย่ามัวไปเสียเวลาซื้อ ๆ ขาย ๆ ตามเทคโนโลยีกล้องอื่น ๆ ครับ มายี่ห้อนี้เลยตูมเดียว ไม่ใช่ว่าจะเชียร์กันออกนอกหน้าแต่ผมเป็นมาก่อนแล้วมันเสียดายครับ อย่าเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายกันเลยครับ ซื้อดี ๆ ไปเลยทีเดียว ไม่ต้องขาดทุนตอนขายไต่เต้าขึ้นมา

bottom of page